นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 59 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 19,074 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4,806 ล้านบาท หรือ 20.13% ส่วนใหญ่เกิดจากธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้จำนวน 46,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4,330 ล้านบาท หรือ 10.15% เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,229 ล้านบาท หรือ 5.29% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.57%
รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,177 ล้านบาท หรือ 3.69% เป็นผลมาจากรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดทุน และค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลงจำนวน 924 ล้านบาท หรือ 2.95% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 39.32%
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/59 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/59 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 9,428 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนจำนวน 218 ล้านบาท หรือ 2.27% เนื่องจากการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 2,004 ล้านบาท หรือ 11.42% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดทุนและตลาดเงิน สำหรับ NIM อยู่ที่ระดับ 3.49%
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 854 ล้านบาท หรือ 5.77% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 41.54% ในขณะที่ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงจากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/59 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/58 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 9,428 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,051 ล้านบาท หรือ 17.87%
ณ วันที่ 30 มิ.ย.59 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,705,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 จำนวน 149,849 ล้านบาท หรือ 5.86% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ เงินลงทุนสุทธิ และเงินให้สินเชื่อ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 2.89% ขณะที่สิ้นปี 58 อยู่ที่ระดับ 2.70%
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 136.21% โดยสิ้นปี 58 อยู่ที่ระดับ 129.96% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงิตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 18.12% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 14.69%