โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) โดยมองโอกาสชนะประมูลโครงการเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 2,130 ล้านบาทที่คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ จากการแข่งขันต่ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในปี 60 อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่การพลาดงานโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเส้นางช่องนนทรี ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) นั้นอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นระยะสั้นเท่านั้น แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน เพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้รวมรวมโครงการนี้ไว้ในประมาณการผลการดำเนินงานของปีนี้
หุ้น ILINK เช้านี้อยู่ที่ 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท (+2.90%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เพิ่มขึ้น 0.15%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 21.90 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 21.20 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 22.20
นางสาวมินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์อาวุโส บล.โมนูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"หุ้น ILINK แม้จะพลาดงานโครงการนำสายไฟลงดินในเส้นทางช่องนนทรีของ กฟน.มูลค่า 2,500 ล้านบาท แต่ก็ไม่กระทบต่อประมาณการกำไรเพราะไม่รวมโครงการดังกล่าวไว้ในประมาณการตั้งแต่แรก และแม้ว่าจะพลาดงานดังกล่าว แต่ก็ยังมีงานประมูลอื่น ๆ ของ กฟภ.ที่จะทยอยออกมาอีก เช่น โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้นำไปยังเกาะสมุย วงเงินลงทุน 2,130 ล้านบาท และเกาะเต่า วงเงินลงทุน 1,776 ล้านบาท จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โครงการดังกล่าวเป็น Positive ต่อ ILINK เนื่องจากคาดว่าบริษัทมีโอกาสได้งานโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้นำ 1 ใน 2 โครงการของ กฟภ. โดยคาดว่าบริษัทจะชนะโครงการที่เกาะสมุย วงเงิน 2,130 ล้านบาท และจะส่งผลดีต่อรายได้ในปี 59-60 ซึ่งประมาณการว่าจะรับรู้รายได้ 30% ในปี 59 และ 70% ปี 60 เนื่องจากการประมูลงานดังกล่าวมีการแข่งขันไม่รุนแรง
ขณะที่ปี 59-60 คาดว่ากำไรสุทธิของ ILINK จะเติบโตต่อปี 23% หรือมีกำไรสุทธิ 328 ล้านบาทในปีนี้ และ 403 ล้านบาทในปีหน้า
"เรายังคงคำแนะนำซื้อ จากยังเชื่อว่าบริษัทมีโอกาสเข้าประมูลงานของกฟภ.เพิ่มอีก อย่างงานสายเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย-เกาะเต่า ซึ่งเราคาดว่าบริษัทน่าจะชนะประมูลในโครงการเกาะสมุยได้ รวมถึงการพลาดงานโครงการนนทรีก็ไม่ได้มีผลกระทบกับประมาณการ เพราะไม่ได้รวมไว้ในการประมาณการนี้ ทำให้การเติบโตของกำไรสุทธิ และรายได้ยังเป็นไปตามคาดการณ์"นางสาวมินทรา กล่าว
ด้านนายศุภชัย วัฒนวิเทศกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า แม้ว่า ILINK แพ้ประมูลงานสายไฟลงใต้ดินให้กับ O&L ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลที่ราคา 2.1 พันล้านบาท ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นระยะสั้น เนื่องจากตลาดคาดหวังให้ ILINK ชนะงานนี้ แต่ในเชิงพื้นฐาน การประมูลแพ้ไม่ได้กระทบต่อประมาณการที่ทำไว้ เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะยังทำรายได้จากธุรกิจรับเหมา (EPC) ที่ระดับ 1,000 ล้านบาทในปีหน้าได้ จากการเร่งทำงานเพื่อชดเชยการพลาดงานนี้ และยังมีโอกาสประมูลงานเพิ่มในอนาคต ได้แก่ งานเคเบิลใต้น้ำ และงานสายไฟฟ้าลงดินอื่น ๆ ในอนาคต
"เรามองว่าในระยะสั้น ราคาหุ้นอาจได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังครั้งนี้ ดังนั้น เราแนะนำนักลงทุนให้ใช้กลยุทธ์ทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว"นายศุภชัย กล่าว
นอกจากนี้ การมีงานในมือ (backlog) แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท จากการเข้าร่วมกับพันธมิตรชนะประมูลงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เมื่อเทียบกับยอดรับรู้รายได้ในอดีตที่ 600-700 ล้านบาท/ปี ยังถือว่าแข็งแกร่ง และหากเทียบกับประมาณการรายได้ EPC ในปีหน้าที่ระดับ 1,000 ล้านบาทก็ยังอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ เนื่องจาก ILINK สามารถจะเร่งรับรู้งาน AOT ในปีหน้าได้ที่ระดับ 800 ล้านบาท และน่าจะสามารถหางานขนาดเล็กเข้ามาเสริมราว 200 ล้านบาทได้ไม่ยาก
สำหรับการประมูลงานเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุยและเกาะเต่าที่คาดว่าจะเปิดประมูลต้นไตรมาส 4/59 ในเบื้องต้น ILINK กับบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เป็น 2 ตัวเต็งสำหรับการประมูลสองงานนี้มีแนวโน้มจะได้ไปบริษัทละ 1 งานเนื่องจากข้อจำกัดด้าน supply chain ที่ทำให้จะชนะทั้งสองงานเลยไม่ได้ จาก track record ของ ILINK ที่มีมาอย่างยาวนานในงานประเภทนี้ ทำให้ประเมิน ILINK มีโอกาสที่จะชนะงานเกาะสมุย ซึ่งหากทำได้จริงจะหนุนให้รายได้ของ EPC มีโอกาสสูงกว่าประมาณการทันที
ขณะที่ นายวสุ มัทนพจนารถ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังคงคำแนะนำซื้อ สำหรับหุ้น ILINK โดยมองว่าการพลาดงานโครงการช่องนนทรี ไม่กระทบประมาณการกำไร เพราะไม่ได้รวมโครงการนี้ไว้ในประมาณการอยู่แล้ว
ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรสุทธิปีนี้เป็น 11% จากปีก่อน เพราะมีการเติบโตในสายธุรกิจ trading และ data-center แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คาดว่ากำไรสุทธิปีหน้าจะโตก้าวกระโดดถึง 59% เพราะน่าจะรับรู้รายได้งานวางสายเคเบิลไปยังเกาะสมุย และนำสายไฟฟ้าลงดินในโครงการ สุวรรณภูมิเฟส 2 โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้สำหรับ 2 โครงการดังกล่าวเป็น 1.2 พันล้านบาท และ 670 ล้านบาท สำหรับปี 60 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตโครงการ data center แห่งที่สองของบริษัทสำเร็จก็ยังมีโอกาสจะปรับกำไรสุทธิเพิ่มได้อีก 33.3%