นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคจะหาทิศทาง (Direction)ใหม่ให้ชัดเจนหลังจากที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ได้แก่ การประมูลคลื่นความถี่ทำให้ดีแทคสูญเสีย Direction ดีแทคจะหันมาโฟกัสทำให้ดีแทคแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นลูกค้าเป็นตัวตั้ง
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง DTAC จะเน้นการทำตลาดในส่วนลูกค้าพรีเพดมากขึ้นหลังจากตัวเลขลูกค้าลดลงในไตรมาส 2/59 โดยจะมีการออกโปรโมชั่นที่แรงขึ้นอีก และการใช้สื่อสารการตลาดทุกช่องทาง รวมทั้งจะเร่งขยายโครงข่ายดีขึ้น เชื่อว่าลูกค้าพรีเพดจะกลับมา ขณะที่ลูกค้าโพสต์เพด บริษัทยังเห็นสัญญาณเติบโตในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และรายได้ต่อเลขหมาย (ARPU) ก็ยังเติบโตได้ดี
นายสิทธิโชค กล่าวว่า ในปีนี้ DTAC มีงบการตลาด 4-5 พันล้านบาท ซึ่งรวมทั้งงบสื่อโฆษณาและการทำโปรโมชั่นแจกเครื่องฟรี (Subsidy)
สิ้นไตรมาส 2/59 DTAC มีจำนวนลูกค้ารวม 25 ล้านเลขหมายแบ่งเป็นพรีเพด 20.4 ล้านเลขหมายและโพสต์เพด 4.6 ล้านเลขหมาย เทียบกับไตรมาส 1/59 ที่มีจำนวนลูกค้ารวม 25.5 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นพรีเพด 21 ล้านเลขหมาย และโพสต์เพด 4.5 ล้านเลขหมาย
"ในไตรมาส 3/59 จะเห็นการแข่งขันดุเดือดมาก และการแจกเครื่องฟรีทุกค่ายก็ยังทำต่อเนื่อง เพราะทุกค่ายก็ต้องการขยายส่วนแบ่งการตลาด และคาดว่าจะทำต่อเนื่อง ซึ่งเห็นว่าในระยะสั้นได้รับผลกระทบ แต่ DTAC มองระยะยาวมากกว่า...ที่ผ่านมาดีแทคเล่นตามเกมคนอื่น ต่อไปนี้เราจะสร้างเกมของดีแทค...ผมว่าดีแทคยังดีได้อีก"นายสิทธิโชค กล่าว
ขณะที่ภายในสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้า 4G ให้เป็น 6 ล้านเลขหมายจากจำนวนผู้ใช้บริการ 4G จำนวน 3.5 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นจาก 2.9 ล้านเลขหมายในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันการใช้โมบายล์อินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ขณะที่การใช้ดาต้าผ่านโมบายล์ อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คนไทยเริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การใช้ดาต้าในปริมาณที่มากขึ้นขณะที่การใช้งานโทรด้วยเสียงลดลง ถือเป็นโอกาสที่ดีแทคสามารถใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านพฤติกรรมการเสพคอนเทนท์ออนไลน์ ดังนั้น ดีแทค จะต้องปรับกลยุทธ์และช่องทางการสื่อสารให้ทันและตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้
"ในไตรมาส 2/59 ดีแทคมีสัดส่วนผู้ใช้บริการด้านเสียงลดลง ในขณะที่ใช้บริการข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของฐานลูกค้ารวมจากเดิมอยู่ที่ 58% ในไตรมาส 1/59 รวมทั้งสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 65% ของฐานลูกค้ารวม โดยมีปัจจัยจากกระแสความนิยมใช้เทคโนโลยี 4G ของผู้บริโภค ข้อเสนอแพ็กเกจที่คุ้มค่าของบริษัท และประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้นจากการขยายโครงข่าย 4G" นายสิทธิโชค กล่าว
ขณะที่ดีแทคตั้งเป้าหมายในการก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทยภายในปี 63 โดยเน้นพัฒนาดีแทคใน 3 เรื่อง คือ 1. การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ และวัฒนธรรมการทำงานที่สะท้อนความเป็นองค์กรดิจิทัล 2. นำเสนอบริการดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้ตรงกับความต้องการทุกเซ็กเม้นท์ของตลาด 3. พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในระดับในประเทศและพันธมิตรระดับโลก
"ดีแทคตั้งเป้าเป็นเบอร์ 1 ดิจิทัลแบรนด์ในไทย ภายในปี 63 และลูกค้าพรีเพด โพสต์เพดก็ดีขึ้นด้วย โดยจะทำการสำรวจโดยบุคคลที่ 3 ให้แบรนด์ดีแทคโดนใจ หรือความนิยมของผู้บริโภค อย่างเช่นที่คนนึกถึง google , line เป็นต้น โดยจะเริ่มทำการสำรวจในปีหน้า"นายสิทธิโชค กล่าว
สำหรับสถานการณ์ทางการตลาดและอนาคตของดีแทคต่อจากนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การเป็นพัฒนาภาพลักษณ์ของแบรนด์และโครงข่ายให้ดียิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนดด์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทย บริษัทจะสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคด้วยการพัฒนาโครงข่ายให้ดียิ่งขึ้น จากผลการวิจัยพบว่า ลูกค้ามีความพึงพอใจในการใช้งานดีขึ้น จาก NPS สกอร์ที่เพิ่มขึ้นทั้งคุณภาพโครงข่ายและการให้บริการ แต่ยังมีในบางส่วนที่เราต้อง จริงจังกับการแก้ไขปัญหาการใช้งานในบางพื้นที่ หลังจากบริษัทเปิดให้บริการโครงข่าย 4G ในทุกจังหวัดในช่วงครึ่งปีแรกไปแล้ว รวมทั้งให้บริการ 4G 1800 MHz ด้วยปริมาณคลื่นความถี่เต็ม 20 MHz ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล บริษัทจะพัฒนาโครงข่าย 4G 2.1 GHz ในทุกอำเภอทั่วประเทศภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพต่อเนื่อง และโครงข่ายมีความสามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่กำลังเติบโตได้