สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกรณีคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบ นายสาคร สุขศรีวงศ์ กรณีชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้นบล.บีฟิท (BSEC) เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท
ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสาคร สุขศรีวงศ์ ชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น BSEC โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ล่วงรู้เกี่ยวกับกรณีที่ OSK Investment Bank Berhad (OSKIB) ประเทศมาเลเซีย สนใจจะซื้อหุ้น BSEC จากบง.กรุงเทพธนาทร (BFIT) ในราคาสูงกว่าราคาตลาดขณะนั้น
ข้อเท็จจริงข้างต้นเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น BSEC เนื่องจาก BFIT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 48.85 และจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BSEC โดย OSKIB จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้น BSEC ในส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นการทั่วไป (tender offer) ซึ่งในกรณีนี้จะสูงกว่าราคาตลาด
ข้อมูลการตกลงดังกล่าวเป็นข้อมูลที่นายสาครรู้มาเนื่องจากขณะเกิดเหตุนายสาครดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของ BSEC และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการของ BFIT แล้วชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น BSEC ระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2554 ก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อบุคคลทั่วไปในวันที่ 18 มกราคม 2554
การกระทำของนายสาครเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก เป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงมีคำสั่งเปรียบเทียบนายสาครโดยให้ชำระค่าปรับทางอาญาเท่ากับขั้นต่ำของระวางโทษ เป็นเงิน 500,000 บาท
อนึ่ง การดำเนินคดีนี้ ก.ล.ต. ได้รับความช่วยเหลือจาก Securities Commission Malaysia ในการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินคดีนี้ประสบความสำเร็จ
ขณะที่หุ้น BSEC ได้ถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556