นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึม ๆ นิ่ง ๆ เพื่อรอดูปัจจัยใหม่เข้ามาหลังจากตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว โดยต่างรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ก็รอดูการส่งสัญญาณว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง ด้านกลุ่มน้ำมันก็คงจะซึม ๆ อยู่ และยังคงกดดันต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อมาก ซึ่งมองว่า Emerging Market ยังแข็งแรงกว่าตลาดในยุโรป ที่ยังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ และยังเรื่องก่อการ้ายในยุโรปด้วย ทำให้ Emerging Market เป็นที่พักเงินได้ดีกว่า นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) ในปลายสัปดาห์นี้ และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรป และสหรัฐฯด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ
สำหรับไทยวันนี้ให้ติดตามตัวเลขส่งออกที่จะประกาศออกมา พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,473.75 จุด ลดลง 19.31 จุด (-0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,110.05 จุด เพิ่มขึ้น 12.42 จุด (+0.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,169.18 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด (+0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 143.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 63.58 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 33.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.14 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.38 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ค.59) 1,504.81 จุด ลดลง 7.85 จุด (-0.52%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,827.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.ค.59) ปิดที่ 42.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ค.59) ที่ 4.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.99 ทิศทางแกว่งในกรอบแคบ ก่อนรู้ผลประชุม FOMC คืนนี้
- ครม.อนุมัติรถไฟสายสีแดง (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไทมักกะสัน-หัวหมาก และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง 25.9 กม. วงเงิน 4.4 หมื่นล้าน คาดเร่งประมูลได้ใน ก.ย.นี้ เริ่มสร้างต้นปี 60 เปิดเดินรถปี 64 แก้ปัญหา 13 จุดตัดทางรถไฟกลางเมือง
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ ระบบสถาบันการเงินมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ยัง ไม่กันสำรอง (Gross NPLs) รวม 3.74 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.72% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 1.63 หมื่นล้านบาท หรือ 4.54% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มี 3.58 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.64% ของสินเชื่อรวม
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปี 2559 ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถรักษาความแข็งแกร่งครองความโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียนใน 3 ด้าน คือ 1.ผลตอบแทนสูงสุดในภูมิภาค 12.2% หรือ 15.2% (สกุลเงินสหรัฐ) ดัชนีเพิ่มมาอยู่ที่ 1,444.99 จุด 2.ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 35,978 ล้านบาท (1,038 ล้านเหรียญสหรัฐ) สูงสุดในอาเซียนพลิกจากการขายสุทธิในปีก่อน และยังมีแนวโน้มที่จะซื้ออย่างต่อเนื่อง และ 3.มีสภาพคล่องมากที่ สุดในอาเซียน ด้วยมูลค่าซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,669 ล้านบาท (1,310 ล้านเหรียญสหรัฐ) สูงสุดตั้งแต่ปี 2555 ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมอยู่ที่ 14.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากสิ้นปีก่อน เนื่องจากบริษัทไทยมีผลการดำเนินงานที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาค เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น เห็นได้จากจีดีพีไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 3.2% เทียบกับปีก่อนที่ 2.8%
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เตรียมขอนโยบาย 'อภิศักดิ์' ขายหุ้นในกิจการนอกตลาดหลักทรัพย์ 21 แห่งจาก 73 แห่ง ที่กระทรวงคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% ตามมติ ครม.ปี 54 โดยเปิดประกาศทีโออาร์จ้างที่ปรึกษาการเงิน ศึกษาความเหมาะสม และดำเนินการขายหุ้นแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- EKH (บมจ.เอกชัยการแพทย์) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ โดยมีราคาขาย IPO ที่ 3.05 บาท/หุ้น บล.กรุงศรี ให้ราคาเป้าหมาย 5.5 บาท
"เอกชัยการแพทย์" ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลภายใต้ชื่อ"โรงพยาบาลเอกชัย" ขนาด 100 เตียง ให้บริการเชิงคุณภาพในจังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียงมีกลุ่มแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์โดยเฉพาะด้านสูติ-นรีเวช และกุมารเวช และศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ ลูกค้าทั่วไปที่ชำระค่าบริการเอง และลูกค้าคู่สัญญา
- CK (กรุงศรี) "ซื้อ"ปรับเพิ่มเป้าเป็น 37 บาท สะท้อนราคาเป้าหมายใหม่ของ BEM จาก 7 เป็น 9 บาท และประมาณการกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.6-6% นอกจากนี้ มองว่า CK เป็น laggard play เนื่องจาก BEM ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 60% ของมูลค่าตลาด CK ได้วิ่งขึ้นมาถึง 13% ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ราคาหุ้น CK ควรจะวิ่งขึ้นได้ประมาณ 7.8% แต่กลับขยับขึ้นเพียงแค่ 2.4% เท่านั้น
- MTLS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 26 บาท ช่วง 2Q59 คาดกำไรทำสถิติใหม่ 305 ลบ. โต 66.5%YoY หนุนด้วยจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดช่วยผลักดันพอร์ตสินเชื่อขยายตัว 78.2%YoY ขณะที่ทั้งปี 59 คาดกำไรโต 48.5%YoY และโตต่อ 34.8% ในปี 60 ตามแผนเปิดสาขาที่เป็นไปตามเป้าและสินเชื่อที่หลากหลายขึ้น และยังมี Upside 39%
- PTTGC (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ"เป้า 67 บาท คาดจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 ที่ 4,929 ล้านบาท (-45% yoy, +5% qoq) ซึ่งถือว่าน่าจะออกมาดีกว่าคาดว่าตอนแรกเพราะมีการทำ Plant Shutdown ในช่วงเวลาดังกล่าว หลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปธุรกิจจะกลับมาดำเนินการเป็นปกติ