นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว แต่ก็มีตัวแปรสำคัญจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติว่าจะมีมาก หรือน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติคงจะยังไม่กลับลำมาเป็นขาย เพราะเงินบาทที่ทรงตัวในลักษณะแข็งค่ายังคงเป็นแรงหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามาได้อยู่
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันนี้ด้วย ซึ่งตลาดฯก็มองกันว่าน่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ซึ่งก็น่าจะเป็นประเด็นต่อเนื่องให้กับตลาดฯ นอกจากนี้คืนนี้ก็ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซน และสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,534 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,456.35 จุด ลดลง 15.82 จุด (-0.09%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,154.98 จุด เพิ่มขึ้น 15.17 จุด (+0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.06 จุด เพิ่มขึ้น 3.48 จุด (+0.16%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 118.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 31.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.27 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 117.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.78 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.14 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ก.ค.59) 1,524.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด (+0.61%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,194.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ก.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.ค.59) ปิดที่ 41.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.ค.59) ที่ 4.24 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.85/87 แข็งค่าต่อเนื่อง จับตาผลประชุม BOJ วันนี้ มองกรอบ 34.80-34.95
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตือนค่าเงินผันผวน หลังเฟดส่งสัญญาณดอกเบี้ยไม่ชัด เงินยังไหลเข้าดันเงินบาทแข็งค่าไม่หยุด
- รมว.คมนาคม เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 12 ที่โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพฯ ซึ่งมีนายหวังเสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน เป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายจีน ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปตัวเลขมูลค่าโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1.79 แสนล้านบาท
- ธปท.เตือนความผันผวนเงินทุนเคลื่อนย้าย-อัตราแลกเปลี่ยน พบหลังเหตุการณ์ Brexit เงินทุนนอกแห่เข้าไทย ตอกย้ำถ้อยแถลง Fed ล่าสุดเปิดทางขึ้นดอกเบี้ยได้ ขณะที่คนไทยหันซื้อธนบัตรสกุลเงินปอนด์จนขาดตลาด ล่าสุดสถานการณ์ดีขึ้น แต่ยังมีคนไทยทยอยแลกปอนด์ต่อเนื่อง
- สศค.เผยภาพรวมเศรษฐกิจยังโต 3.3% แต่ส่งออกไตรมาส 2 ปี 59 ติดลบ 4.1% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง-ไม่แน่นอน จึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออกในปีนี้ลงเหลือติดลบ 1.9% จากเดิมคาดติดลบ 0.7%
*หุ้นเด่นวันนี้
- QH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 3.40 บาท คาดรายได้ 2Q59 ที่ 5.57 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.9% QoQ และ เพิ่มขึ้น 23.7% YoY และกำไรสุทธิ 811 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% QoQ และ 20.3% YoY โดยที่ 1H59 กำไรจะนับเป็น 50% ของเป้าหมายกำไรปี 59 ที่ 3.2 พันล้านบาท โดย Gross profit margin (GP) คาดใกล้เคียง 1Q59 ที่ราว เป็น 30.5% โดยช่วงครึ่งปีหลังคาด GP อยู่ที่ราว 31% ได้ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มี GP สูงกว่าเดิม
- SENA (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2Q59 จะทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์และมากกว่าตลาดคาด จากผลบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ทำให้การรับรู้การโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ปีนี้ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 8 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 60 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
- SCB (ฟินันเซีย ไซรัส) ปรับเป้าขึ้นเป็น 182 บาท จาก 171 บาท และให้เป็น Top Pick แทน KBANK จากการบริหาร NIM (3.3%) ที่ดีเยี่ยม ความเสี่ยง NPL ต่ำลงและต่ำกว่าแบงก์ใหญ่อื่น และ ROE (15%) สูงสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มมาก แม้แผนลงทุนครั้งใหญ่ในด้าน IT สาขา และบุคลากรจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่มองว่ากระทบจำกัดแต่กลับจะทำให้ SCB พร้อมรับกับ Digital Economy
- SPALI (โกลเบล็ก) เป้า 26 บาท คาดกำไร 2Q59 ราว 1,400 ลบ. +45%YoY ทรงตัว QoQ จากที่คาดยอดโอนที่รับรู้เป็นรายได้ราว 6,200 ลบ. ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ 38.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายรวมราว 10% ด้านยอดขาย presale ครึ่งปี 59 ทำได้ 10,355 ลบ. +24%yoy เทียบกับเป้าทั้งปีที่ 24,500 ลบ. คิดเป็น 42% ผู้บริหารมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า แผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ยังคงเดิมเกือบ 3.5 หมื่นลบ.+5%yoy จะมีคอนโดมิเนียมมูลค่าสูงเปิดมากในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ สัดส่วนมูลค่าโครงการที่เปิดในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังคิดเป็น 24% ต่อ 76%