นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) กล่าวว่า มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,517-1,530 จุด เงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยอื่นๆ และคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเป็นแบบนี้อีกนานขนาดไหน ทั้งนี้ เงินที่เข้ามาในตลาดหุ้นจะมาทั้งมาจากต่างประเทศโดยตรง และอาจย้ายมาจากตลาดพันธบัตรที่เข้ามาถือก่อนหน้านี้
ดังนั้น วันนี้จึงประเมินว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะยังมีสถานะเป็นซื้อ (net buy) ในเรื่องของโครงการรถไฟไทย-จีน มูลค่าโครงการ 1.79 แสนล้านบาทที่ถูกกลับมาพูดถึง น่าจะสร้างกระแสในทางบวกต่อเศรษฐกิจไทยเองและหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นในระหว่างวัน จะเป็นการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ไม่แน่นอนว่า BOJ จะปรับลดดอกเบี้ยหรือ QE หรือไม่ ผลการประชุมที่ออกมาประมาณเที่ยงของวันนี้ จึงมีผลต่อตลาดมากพอควร
ขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์และดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลดลงในคืนที่ผ่านมาจากปัจจัยเฉพาะตัว โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพราะหุ้นกลุ่มสายการบิน ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเพราะรอดูผล stress test กลุ่มธนาคารวันนี้ (29 ก.ค.) ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันที่ส่งผลลบต่อตลาดมาหลายวันติดต่อกันแล้วและมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบจะไหลลงสู่ระดับ $40 เหรียญ จาก $41 เหรียญในปัจจุบัน
ล่าสุด ตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบเดือน ส.ค.ของกลุ่ม OPEC คาดจะเพิ่ม 90 kbd เป็นสัญญาณของภาวะ oversupply ที่จะกลับมาให้นักลงทุนกังวลกันอีกครั้ง รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่กำลังปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน (Bloomberg Commodity Index ลดลง 1.4% จากปลายสัปดาห์ก่อน) ยกเว้นราคาเหล็กในตลาดโลกที่สวนกระแสขึ้นมาได้ต่างจากตัวอื่นๆ ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยน และราคาพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้วันนี้ปัจจัยต่างประเทศ บล.KTBST มองเป็นลบ แต่เงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยอื่นๆ
ด้านกลยุทธ์การลงทุน แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง จนจับทางไม่ได้ว่าจะจบลงเมื่อใด นักลงทุนอาจเลือกที่จะถือหุ้นแล้วไปรอขายเมื่อตลาดจบ หรือทยอยขายไปเรื่อยๆในหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก แต่อย่างไรก็ตาม ควรพร้อมที่จะขายหุ้นเมื่อตลาดเกิดเปลี่ยนทิศ
สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในวันนี้กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ , อีเล็คทรอนิคส์ และหุ้นที่เป็น Domestic play รวมถึงหุ้นกลุ่มเหล็กบางตัวจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจ โดยหุ้นที่แนะนำได้แก่ SAT, KCE ,SVI , CPALL , COM7, UAC , และ TMT