โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK) มองเป็น Laggard play และปีนี้ (2559) ถือเป็นปีที่ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากได้โครงการไซยะบุรีส่วนเพิ่มเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะบันทึกรายได้ส่วนนี้ราว 14,000 ล้านบาท จับตาจะบันทึกรายได้เข้าในไตรมาส 2/59 เลยหรือไม่
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะได้ประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู-สีส้ม รวมไปถึงได้ประโยชน์จากบริษัทลูกทั้ง BEM และ CKP ที่สร้างช่วยสร้างงานให้แก่ CK ได้ และจากการลงทุนในบริษัทลูกด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 ในช่วง 2,016-2,484 ล้านบาท จากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 2,193 ล้านบาท
หุ้น CK ปิดตลาดภาคเช้าที่ 33.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.54%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 35 กรุงศรี ซื้อ 37 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 34 บัวหลวง ซื้อ 32 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 30.60 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น CK จากคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 59 ถือเป็นปีที่ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากได้งานโครการไซยะบุรีส่วนเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ส่วนนี้ประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยต้องรอดูว่าจะบันทึกรายได้เข้าในไตรมาส 2/59 เลยหรือไม่ และจะบันทึกรายได้นี้ทั้งก้อน หรือจะทยอยรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาส ขณะที่ CK ได้มีรายได้จากไซยะบุรีเข้ามาส่วนหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ CK ยังได้ประโยชน์จากการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูด้วย เงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล (PPP) จะลงทุนก่อสร้าง 4-5 ปี และให้สิทธิในการบริหาร 30 ปี โดยมองไปที่การจับของ BTS-STEC และ CK-BEM สองกลุ่มนี้น่าจะมีโอกาสได้งานโครงการดังกล่าว พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 2,484 ล้านบาท จากปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 2,193 ล้านบาท ด้านนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า CK เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ได้ประโยชน์จากบริษัทลูกทั้ง BEM และ CKP ที่สร้างช่วยสร้างงานให้แก่ CK ได้ และยังได้ผลบวกจากการลงทุนในบริษัทลูกด้วย ทั้งนี้ นายสุรชัย คาดว่า ผลประกอบการของ CK ในปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 58 โดยได้ประโยชน์จากโครงการไซยะบุรีส่วนเพิ่มที่คาดว่าจะบันทึกรายได้ในปีนี้ประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่ง CK ยังมีวงเงินเหลือที่ยังไม่บันทึกอยู่อีก 12,000 ล้านบาท นอกจากนี้ CK ยังมีโอกาสได้งานในโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งถ้าหากได้งานเข้ามามากก็มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มประมาณการในปีหน้า (2560) ขณะที่ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น CK โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 37 บาท จากเดิม 28 บาท มองว่าเป็น laggard play ที่มีปัจจัยกระตุ้นรออยู่หลายเรื่อง ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิใน Q2/59 จะอยู่ที่ 437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% qoq แต่ลดลง 74% yoy คาดว่ารายได้จากการก่อสร้างจะทรงตัว qoq อยู่ที่ 9 พันล้านบาท โดยรายได้หลักยังมาจากโครงการไซยะบุรี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็น่าจะทรงตัว qoq อยู่ที่ 8.9% CK อาจจะรับรู้รายได้จากการก่อสร้าง 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทใน Q2/59 จากเนื้องานที่เพิ่มขึ้นของโครงการไซยะบุรี ซึ่งหากมีการรับรู้รายได้ก้อนนี้จริง ก็จะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิ Q2/59 มี upside อีก 53-79% จากสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) ที่ 2-3% นอกจากนี้ ยังมองว่าจะมีข่าวบวกอีกใน H2/59 จากการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(5.2 หมื่นล้านบาท), สายสีชมพู (5.35 หมื่นล้านบาท) และสายสีส้ม (8.3 หมื่นล้านบาท) โดยคาดว่า CK จะได้งานมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 2,016 ล้านบาท