นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะยังปรับขึ้นไปได้ แต่ความผันผวนก็จะมีมากขึ้นด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับกระแสเงินทุนที่จะไหลเข้ามา อย่างไรก็ดีให้ระวังแรงขายทำกำไรด้วยเนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว จนขณะนี้หลายคนมองว่า SET แพงไปแล้ว
อย่างไรก็ดี เท่าที่ดูเม็ดเงินทุนยังคงไหลเข้า แม้ว่าแรงซื้อจากนักลงทุนต่างจะชะลอตัวลงบ้างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ดูจากเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าเงินทุนยังไม่ไหลออกไป แต่การปรับตัวขึ้นของดัชนีฯอาจทำให้ SET เข้าสู่ความผันผวนมากขึ้นจากราคาหุ้นที่ขึ้นไป
นอกจากนี้ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ถือว่าผิดไปจากความคาดหวัง ซึ่งเพิ่มแค่การซื้อ ETFs เท่านั้น ซึ่งคนไม่ชอบ ส่งผลให้เงินเยนคงแข็งค่า และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาไม่ดีด้วย แต่ตรงนี้ทำให้มองอีกแง่หนึ่งว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนบวกราว 0.5-1% ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นผลจากที่กระแสเงินทุนยังไหลเข้ามา
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,538 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,432.24 จุด ลดลง 24.11 จุด (-0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,162.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.15 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด (+0.16%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 153.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.92 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ก.ค.59) 1,524.07 จุด ลดลง 0.51 จุด (-0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 636.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ก.ค.59) ปิดที่ 41.60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.ค.59) ที่ 4.70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.78/80 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์-รอติดตามประชุม กนง.สัปดาห์นี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นนักธุรกิจทั่วประเทศในโครงการ Business Liaison Program ในเดือน ก.ค.ว่า ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่คาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปีนี้ จะหดตัวมากกว่าไตรมาส 2 เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว และหมดแรงผลักดันจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่หมดลงในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
- ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล เปิดเผยว่า การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค. ที่กำลังจะเกิดขึ้น หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านจะช่วยในด้านจิตวิทยาของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้เล็กน้อย จากนั้นต้องรอดูบทบาทของรัฐบาลว่าจะมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของทีมเศรษฐกิจ
- แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าพลังงานและค่าบริการ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ส.ค. นี้ จะมีการพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.ธ.ค. 2559 โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ส่วนจะเป็นอัตราเท่าไหร่นั้นยังต้องพิจารณาต้นทุนเชื้อเพลิงที่แท้จริงก่อน แต่การปรับลดครั้งนี้อาจะไม่มากเท่ากับงวดที่ผ่านมา ที่มีปรับลดลง 28.49 สตางค์ (สต.)/หน่วย แต่ถือว่าตลอดปี 2559 ค่าเอฟทีโดยรวมได้ปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 โดยค่าเอฟทีจนถึงรอบปัจจุบัน ลบ 33.29 สต./หน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานทำให้ค่าไฟเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากประชาชนอยู่ที่ 3.42 บาท/หน่วย
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเทศไทย ประเมินจากผลดำเนินงานไตรมาส 2/59 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวแย่ลง และคาดว่าจะยังคงมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (แต่ไม่น่าจะสูงขึ้นมากนัก) สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 59 เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานโดยรวมที่ยังคงอ่อนแอ โดยเอ็นพีแอลของภาคธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% จาก 3.2% ณ สิ้นปี 58 และส่วนสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงที่ 2.3% ในครึ่งแรกของปี 59 จาก 3.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) ระยะสั้นคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy ส่วนในระยะยาวภาพรวมของอุตสาหกรรม polyester เริ่มมีสัญญานที่สดใสขึ้น ในขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนภาพดังกล่าว เชื่อว่านักวิเคราะห์เริ่มมีการปรับเพิ่มประมาณการและราคาเป้าหมายหลังงบไตรมาส 2/59 ประกาศ
- SENA (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2Q59 จะทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์และมากกว่าตลาดคาด จากผลบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทำให้การรับรู้การโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ในปี 59 ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 8 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ปี 60 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 18 บาท คาดปี 59 พลิกเป็นกำไรที่ 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย ซึ่งจะชดเชยผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวลงตามภาวะตลาดที่ซบเซา พร้อมเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ในช่วง H2/59 ซึ่งจะช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี
- CK (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) เป้า 38 บาท มองบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากงานประมูลขนาดใหญ่รออยู่มากในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ชมพู-เหลือง และรถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทาง เป็นปัจจัยหนุน Sentiment กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง พร้อมคาดกำไรสุทธิ Q2/59 ที่ 1,050 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง +245% qoq จากการรับรู้รายได้งานส่วนเพิ่มโครงการไซยะบุรี นอกจากนี้ Backlog ในมือสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท และมีโอกาสได้งานเพิ่มอีกมากจาก Mega Project ภาครัฐฯ และงานขนาดใหญ่จากบริษัทลูก