นางวรวรรณ งานทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างโดดเด่นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากจะบันทึกรายได้มูลค่างานคงค้างในมือที่มีมากกว่า 380 ล้านบาท จากงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงรายได้งานต่อเรือจะเริ่มทยอยเข้ามา ซึ่งปกติเรือ 1 ลำ ใช้ระยะเวลาในการต่อประมาณ 15-18 เดือน ซึ่งจะรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงาน และคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้งานใหม่ ๆ ที่ได้เซ็นสัญญาไปก่อนหน้านี้ในช่วงครึ่งปีหลังด้วย
นอกจากนี้ในช่วงเดือนส.ค.59 บริษัทเตรียมเปิดอู่ต่อเรือที่จ.สุราษฎร์ธานีอย่างไม่เป็นทางการก่อน และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนม.ค.60 โดยอู่ต่อเรือตั้งอยู่ที่ ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 150 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นอู่ซ่อมเรือต่อเรือที่ได้มาตรฐานแห่งแรกของภาคใต้
ปัจจุบันบริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ซึ่งเป็นงานอู่ต่อเรือของภาคเอกชน อยู่ราว 380 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้20-25% ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมเข้าประมูลงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และงานรับเหมาช่วง (Sub Contract) งานโครงสร้างเหล็กจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งนี้จากรายได้ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาและงานที่บริษัทจะเข้าประมูล คาดว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการทั้งปี 59 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปี 58 ที่ผ่านมา
“ASIMAR จะกลับมามีผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่อู่ต่อเรือแห่งใหม่ในจ.สุราษฎร์ธานี จะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคมนี้ โดยพื้นที่ทางภาคใต้มีโอกาสสูงในการรับงานทั้งงานซ่อมเรือ หรือต่อเรือใหม่ และเพื่อขยายการรองรับฐานลูกค้าจากทางภาคใต้ด้วย โดยคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนราว 15-20 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มฐานรายได้ที่มั่นคงขยายตลาด เพื่อรองรับงานในภูมิภาคและยังสามารถพัฒนาไปยังตลาดต่างประเทศในอนาคต"นางวรวรรณ กล่าว