นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวในงานสัมมนา "The stock season 3 : สแกนหุ้นเด่นเฟ้นหุ้นโดนใจ By Aspen Mobile"ว่า การลงทุนในช่วงนี้ด้วยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ P/E ของตลาดปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 24 เท่า ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ (GDP) ยังเติบโตต่ำกว่า 3% ถือว่าราคาปรับตัวขึ้นมาสูงและมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น จึงแนะนำว่าการลงทุนในปัจจุบันควรจะเป็นแบบเดย์เทรดตามกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยแนะนำกลุ่มหุ้นใน SET50 ขณะที่ให้ติดตามในเรื่องของราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลง ,การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หากไม่ผ่านและทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทะเลจีนใต้
"ช่วงที่ผ่านมาการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างดี แต่ระดับดัชนีปัจจุบัน P/E พุ่งไปสูงถึง 24 เท่า บนพื้นฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เติบโต 20% ซึ่งการปรับขึ้นของดัชนีตลาดฯในครั้งนี้หลัก ๆ มาจากเงินทุนไหลเข้า ทำให้ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเราคงแนะนำให้เล่นแบบเดย์เทรด ซึ่งต้องหาจุดขายทำกำไรให้ดี แต่หากดัชนีไหลลงให้ดูที่ 1,500 จุด ให้ขายออกมาก่อนหนึ่งส่วนของพอร์ต หากลงมาอยู่ที่ 1,490 จุด ให้ขายออกมาอีก 15% และหากลงมาที่ 1,480 จุด ให้ขายออกทั้งหมด ซึ่งระดับดัชนีนี้เป็นแนวรับที่สำคัญที่ต้องจับตามอง อย่างไรก็ตามแนะให้ติดตามหุ้นในกลุ่มพลังงานทางเลือก หลังจากที่กลุ่มนี้ห่างหายไปนาน"นายรณกฤต กล่าว
สำหรับจุดเด่นของแอพพิเคชั่น Aspen Mobile คือโปรแกรมที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดกรองหุ้นในการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนแบบเดย์เทรด เนื่องจากมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ เช่น Global Market Watch ติดตามข้อมูลตลาดการลงทุนทั่วโลก ทั้งดัชนีตลาดหุ้น ฟิวเจอร์ส ราคาทอง ราคาน้ำมัน หรืออัตราแลกเปลี่ยน ,Technical Chart ฟังก์ชันกราฟพร้อมเทคนิควิเคราะห์หลากหลาย ซึ่งอัพเดทข้อมูลแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องกดปุ่ม Refresh ,Trend Line Drawing Tool การลากเส้นแนวโน้มที่ใช้งานจริงได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส, Market Screener ค้นหาหุ้นตามเงื่อนไขทางเทคนิควิเคราะห์ และเงื่อนไขด้านปัจจัยพื้นฐาน
พร้อมด้วย Real-time Quote อัพเดทข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณเกาะติดความเคลื่อนไหวของข้อมูลดัชนีหลักทรัพย์ ราคาหุ้นรายตัว วอแรนต์ จากตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทย และฟิวเจอร์สจากตลาด TFEX ,News&News Summaries รายงานข่าวแบบฉับไวจากสำนักข่าวชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ พร้อมบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์กว่า 40 แห่ง และสรุปข่าวหนังสือพิมพ์กว่า 20 ฉบับ และ Watch List สร้างกลุ่มหุ้นที่อยู่ในความสนใจไว้ในรายการที่กำลังติดตามได้ถึง 150 ตัว
ด้านนายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเทรด TFEX กล่าวว่า การลงทุนในปัจจุบันจะยึดตามทฤษฎีที่ใช้กันมาไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์การเงินทั่วโลกที่ปรับเปลี่ยนไป และปัจจัยหลายอย่างที่มีกระทบนั้นเปลี่ยนไปจากอดีตค่อนข้างมาก ทำให้ต้องใช้ทฤษฎีที่มีความเหมาะสม และทันสมัยกับสถานการณ์นั้น เพื่อที่จะไม่ให้พลาดโอกาสในการลงทุน
สถานการณ์การลงทุนในช่วงนี้ เชื่อว่าการดำเนินโรดแมพของรัฐบาลยังเป็นไปด้วยความสงบ ทำให้ต่างชาติมองประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจในการลงทุน และการดำเนินโนบายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ก็ส่งผลให้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในปีนี้ถือว่าดีที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค โดยยังมองแนวโน้มเงินทุนจะยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาก แต่ไม่ได้มีการนำไปใช้ในการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้สภาพคล่องที่ล้นอยู่ต้องหาแหล่งที่ให้ผลตอบแทนดี ประกอบกับกรณี Brexit ทำให้ความไม่แน่นอนของค่าเงิน และเศรษฐกิจมีมากยิ่งขึ้น ทำให้เงินทุนไหลเข้ามายังภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
คำแนะนำการลงทุนช่วงนี้ควรลงทุนในกลุ่มหุ้น SET50 ตามเงินทุนเคลื่อนย้าย ถ้ามีเงินไหลเข้าก็ให้ถือสถานะ Long หรือ Hold ขณะที่การจัดพอร์ตการลงทุน ในสัดส่วน 20% ของเงินลงทุนให้เป็นฟิวเจอร์ส และอีก 80% อาจจะลงในหุ้นบางส่วน รวมถึงหุ้นเข้าใหม่ก็ถือว่าน่าสนใจ แต่ต้องเป็นหุ้นที่เป็นผู้นำธุรกิจ หรือมีการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่ม CLMV
นายเตชธร กล่าวว่า หุ้นที่น่าลงทุนในช่วงนี้ คือ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น หุ้นกลุ่ม ICT ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเก็งกำไร ,หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ เช่น เช่าซื้อ ประกันภัย เป็นต้น