GIFT จับมือพันธมิตรยื่นประมูลโรงไฟฟ้าขยะ 10 MW,คาดรายได้-กำไร Q3/59 ดีสุดของปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 1, 2016 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.แกรททิทูด อินฟินิท (GIFT) เปิดเผยว่า บริษัทจะร่วมลงทุนกับบริษัทที่จดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีประสบการณ์การทำโรงไฟฟ้า เพื่อยื่นข้อเสนอการสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ โดยเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 10 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นไม่เกิน 30% โดยคาดว่าจะรู้ผลการประมูลงานในช่วงไตรมาสมาส 1/60 ซึ่งหากสามารถประมูลได้สำเร็จ ก็จะสามารถจ่ายไฟเชิงพณิชย์ได้ในปี 63

การลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรุกเข้าสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (Utility) เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับพันธมิตรหลายรายในหลายโครงการ ทั้งโครงการพลังงานทดแทน หรือโครงการด้านสาธารณูปโภค

สำหรับรูปแบบการร่วมลงทุนกับพันธมิตร บริษัทตั้งเป้าถือหุ้นขั้นต่ำประมาณ 25% โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดประมาณ 200-300 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5 เท่า ทำให้สามารถขยายการลงทุนได้มากกว่า 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เจรจากับสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว หากบรรลุข้อตกลงก็สามารถขอเงินกู้ได้ทันที และการย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ส.ค.) จะทำให้มุมมองของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น

นายพีรเจต กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่า บริษัทยังมั่นใจกำไรสุทธิและรายได้ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90.15 ล้านบาท และรายได้ 753.25 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น และแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้ดี โดยในช่วงไตรมาส 3/59 จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการดีที่สุดของปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เข้ามาช่วยให้ยอดขายเติบโตอย่างโดดเด่น

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่ผ่านมาก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตลาดสินค้าเคมีภัณฑ์ และหมวดอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ควบคู่ไปกับการคัดกรองและเพิ่มสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าทั้งอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.97% และอัตรากำไรขั้นต้น 19.93%

"ในธุรกิจหลักของเราก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตไม่ได้ยากนัก แค่ต้องบริหารจัดการสินค้าให้ดี มีสินค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 3/59 นี้ผลประกอบการของเราจะดีที่สุด เพราะเราได้เพิ่มสินค้าใหม่เข้ามา และยอดขายค่อนข้างสูง ในส่วนของธุรกิจพลังงานก็ยังคงต้องรอผลการประมูลโครงการจากภาครัฐก่อน หากได้เราก็คงจะเห็นรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาในอีกไม่ช้า"นายพีรเจต กล่าว

นายพีรเจต กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 15-20% จากปีที่แล้ว โดยในส่วนของธุรกิจเคมีภัณฑ์คาดว่ายอดขายจะอยู่ 850-900 ล้านบาท และหมวดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 600 -650 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ