โบรกฯแนะ"ซื้อ" BCP คาดกำไร Q2/59 โดดเด่นกว่ากลุ่มหลังกลั่นน้ำมันเพิ่ม-ค่าการกลั่นสูง,โซลาร์ฟาร์มหนุนระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 1, 2016 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์      		คำแนะนำ             เป้าหมาย
          ไอร่า			        ซื้อ                    41
          แอพเพิล เวลธ์            	ซื้อ                    38
          บัวหลวง                       ซื้อ                    39
          โนมูระ พัฒนสิน                  ซื้อ                    42
          เคทีบีฯ                        ซื้อเก็งกำไร             38
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์               ซื้อ                    40
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ               ซื้อ                    39
          ฟิลลิปฯ                        ทยอยซื้อ                35
          ทรีนีตี้                         ซื้อ                    39
          กสิกรไทย			ซื้อ		      34.50

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ผลประกอบการของ BCP มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะไม่เกิดผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีก ในขณะเดียวกัน BCP ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตให้ดีขึ้นจะช่วยให้อัตรากำไรสูงขึ้นด้วย

นอกจากนี้การเข้าไปลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ยังจะช่วยให้ผลประกอบการเติบโต ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าสิ้นปีนี้จะขึ้นไปเป็น 220 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึง 70%

"สำหรับธุรกิจหลักมองว่าราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคงจะไม่เกิดผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีก ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำก็จะเป็นผลดีต่อความต้องการ และค่าการกลั่น ในขณะเดียวกันธุรกิจไฟฟ้าก็ยังจะมาช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องระมัดระวังเรื่องของราคาน้ำมันที่มีความผันผวนอยู่"นายกวี กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/59 ของ BCP ออกมาแล้วจะมีการปรับราคาเป้าหมายอีกครั้ง แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายเป็น 34.50 บาท

ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/59 จะอยู่ที่ 2,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากจากระดับกำไร 46.6 ล้านบาทในไตรมาส 1/59 โดยเป็นผลจากการกลับมาเดินเครื่องโรงกลั่นหลังหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาสแรก และพลิกมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน 897 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีรายการพิเศษที่สำคัญ ได้แก่ กำไรอัตราแลกเปลี่ยนราว 250 ล้านบาท

ในด้านของกำไรปกติคาดว่าจะฟื้นตัวเด่นกว่ากลุ่ม โดยคาดจะมีกำไรจากการดำเนินงานราว 1,285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากไตรมาส 1/59 เป็นผลมาการกลั่นน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.12 แสนบาร์เรล/วัน หลังจากที่ในช่วงไตรมาสแรกได้หยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันเป็นเวลา 45 วัน นอกจากนี้ค่าการกลั่นยังปรับตัวขึ้น 5% จากไตรมาสแรกมาอยู่ที่ 5.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากสัดส่วนการผลิตน้ำมันเตาลดลง ขณะที่ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและดีเซลกว้างขึ้น และ premium ของน้ำมันดิบลดลง ต่างจากคู่แข่งที่ค่าการกลั่นลดลงในทิศทางเดียวกับค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่ลดลง 35% จากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้แนะนำ "ซื้อ" สำหรับลงทุนระยะยาว พร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็น 39 บาท จากเดิมที่ 37 บาท

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ BCP ในไตรมาส 2/59 จะอยู่ที่ราว 2,431 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากจากไตรมาสก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนคือกำไรจากสต็อกน้ำมันราว 900 ล้านบาท จากช่วงไตรมาส 1/59 ที่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 1,340 ล้านบาท ในขณะเดียวกันเงินบาทที่เข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเพิ่มอีก 250 ล้านบาท ด้านกำไรจากการดำเนินงานคาดว่าจะดีขึ้นหลังจากโรงกลั่นสามารถใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 74% ขณะเดียวกันทั้ง Product Yield และสเปรดของน้ำมันดีเซลปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมัน Dated Brent/Dubai แคบลง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ค่าการกลั่นของตลาด ( Market GRM) ดีขึ้น 10% มาอยู่ที่ 5.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะชะลอตัวตามปริมาณการขายที่ลดลง 1.1% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 1,449 ล้านลิตร ขณะที่มาร์จิ้นได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาในตลาดอุตสาหกรรม ส่งผลให้ค่าการตลาดปรับตัวลดลง

ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ยังสร้างรายได้และกำไรเข้ามาได้สม่ำเสมอ โดยปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าในไตรมาส 2/59 จะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/59 อย่างไรก็ตามธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) แม้ปริมาณขายเพิ่มเป็น 3.8 แสนบาร์เรล ราคาขายเฉลี่ยเพิ่ม 42% แต่คาดผลการดำเนินงาน NIDO ยังคงติดลบ จากค่าเสื่อมราคาและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิแล้วรวมกำไรงวดครึ่งปีแรกจะเท่ากับ 2,478 ล้านบาท ลดลง 35.3% คิดเป็น 48.6% ของประมาณการทั้งปี

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือนั้น คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะไม่มีการแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 1.10-1.15 แสนบาร์เรล/วัน รวมถึงค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัว แต่ภาพรวมอาจไม่สดใสเท่าปีก่อน อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีความเสี่ยงที่ไตรมาส 3/59 จะเกิดผลขาดทุนสต็อกน้ำมันอีกครั้ง หลังราคาน้ำมันปรับตัวลงมา 15% ตั้งแต่ต้นไตรมาส

ส่วนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันคาดปริมาณขายจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากแผนการขยายจำนวนสถานีให้บริการในปีนี้ 60 แห่ง พร้อมกับเพิ่มแบรนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหม่ที่ได้ซื้อแฟรนไชส์จากยุโรปคาดว่าเห็น 5 แห่ง ในปลายปีนี้

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นส่วนที่เหลือนั้น คาดสามารถจ่ายไฟฟ้าได้อีก 9 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 3/59 และอีก 11 เมกะวัตต์ ช่วงต้นปี 60 ซึ่งจะถึงจุดคุ้มทุนและเริ่มรับรู้กำไรจากโครงการดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจจากการนำหุ้นบมจ.บีซีพีจี (BCPG) เข้าจดทะเบียนในตลาดฯซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือน ต.ค. โดยให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้น BCPG ในอัตราส่วน 20 หุ้นสามัญ BCP ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน BCPG คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BCPG ไม่เกิน 68.8 ล้านหุ้น ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ที่ 5,097 ล้านบาท คงคำแนะนำ"ซื้อ" โดยมีราคาเหมาะสมที่ 38 บาท

ด่านบล.บัวหลวง แนะ"ซื้อ"หุ้น BCP ให้ราคาเป้าหมายที่ 39 บาท โดยมองหุ้น BCP ปัจจุบันซื้อขายกันที่ PER ณ สิ้นปี 59 ที่ 11.6 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงกลั่นที่ 10.1 เท่า, ค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีกน้ำมันอยู่ที่ 15 เท่า และค่าเฉลี่ยกลุ่มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ที่ 18 เท่า ทำให้คาดว่ามูลค่าหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาสอดคล้องกับกลุ่มได้ ยิ่งกว่านั้นการที่บริษัทจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ BCPG ต่อผู้ถือหุ้น BCP ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive Right) นั้นจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้ซื้อสะสมหุ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ