(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลง เหตุราคาน้ำมันร่วงกดดันกลุ่มพลังงาน-เงินทุนต่างชาติชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 2, 2016 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อยราว 0.1-0.3% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงค่อนข้างหนักเกือบ 4% ทำให้น่าจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานได้

นอกจากนี้ เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง อาจจะเพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ อีกทั้งต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ส.ค.นี้ ตลาดฯคาดคงอัตราดอกเบี้ย และในวันที่ 4 ส.ค.ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตลาดคาดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% รวมทั้งในวันที่ 5 ส.ค.ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,495-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520-1,525 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,404.51 จุด ลดลง 27.73 จุด (-0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,184.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.07 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.84 จุด ลดลง 2.76 จุด (-0.13%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 166.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 22.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.32 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ส.ค.59) 1,512.62 จุด ลดลง 11.45 จุด (-0.75%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 772.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ส.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ส.ค.59) ปิดที่ 40.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ส.ค.59) ที่ 3.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.78/80 แนวโน้มยังแข็งค่า คาดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 34.75-34.85
  • กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ก.ค. 2559 เท่ากับ 106.68 เพิ่มขึ้น 0.10% เทียบกับเดือน ก.ค.58 สูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แต่ถ้าเทียบกับเดือน มิ.ย.59 เงินเฟ้อลดลง 0.35% เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ลดลง 0.07%
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ประเด็นที่น่ากังวลสำหรับสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง คือ กระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแตะ 34.8 บาท/เหรียญสหรัฐ ถ้าถึงระดับ 34.5 บาท/เหรียญสหรัฐ เอกชนจะขอหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้กระทบต่อการส่งออก
  • ธปท.เผยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการแผ่ว 49.4 ในเดือน ก.ค. 59 แต่ดัชนีฯ อนาคตดีขึ้นมั่นใจแนวโน้มฟื้นตัวเศรษฐกิจ ซึ่งข้อจำกัดความต้องการตลาดในประเทศต่ำเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนเศรษฐกิจจริงในไทยลดลงเกือบ 1.3 แสนล้านบาท เทียบกับครึ่งแรกปีนี้เทียบกับปีก่อน ต่ำสุดในรอบ 10 ปี
  • ธปท.รายงานยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ล่าสุดใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีวงเงินเพียง 347 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.21 หมื่นล้านบาท หากคิดอัตราแลกเปลี่ยนเปิดตลาด เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 34.79 บาท/เหรียญสหรัฐ ลดลงค่อนข้างมากประมาณ 91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 4,203 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.46 แสนล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

  • HMPRO (โกลเบล็ก) เ ราคาปิด 9.95 บาท แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากมีช่วงไฮซีซั่นในไตรมาสสุดท้าย มีการเปิดไลน์สินค้าใหม่ home living เจาะกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาว และทำรายการทีวี homepro makeover“ปรับบ้านเปลี่ยนชีวิต"จะช่วยเพิ่มรายได้ค่าบริการ โดย 1H59 มีกำไรสุทธิ 1,857 ลบ. +20% และการเปิดสาขาใหม่ยังทำได้ตามแผน ครึ่งหลังปีนี้โฮมโปรจะเปิดใหม่สาขาชลบุรี-บางเสร่ในเดือน ก.ย.อีก 2 สาขาจะเปิดใน Q4 เมกาโฮมเปิดแล้ว 1 สาขาที่หาดใหญ่ Q4 จะเปิดอีก 1-2 สาขา และราวเดือน ธ.ค.จะเปิดสาขาที่ 2 ในมาเลเซีย เป็นปัจจัยหนุนรายได้
  • KTB (เคจีไอ) "ซื้อ"เป้า 18.4 บาท ประเมินราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มที่ได้อานิสงส์โครงการภาครัฐฯ เช่นกลุ่ม รับเหมาฯ และวัสดุฯ โดย KTB เป็นแบงก์รัฐฯที่คาดจะได้อานิสงส์การปล่อยสินเชื่อโครงการภาครัฐฯ โดย Valuation ถูกด้วย PBV 0.92 เท่า ขณะที่ประมาณการฯคาด ROE ปี 2559-60 ที่ 12-13%
  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" วันนี้บอร์ด รฟม.จะประชุมวันนี้เรื่องการแก้สัญญารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายกับสายสีน้ำเงินเดิมให้จบพร้อมกัน ซึ่งอาจใช้เวลา 15-30 วัน คาดว่าประมาณต้นเดือน ก.ย. รฟม.จะสรุปได้และเริ่มเจรจากับ BEM โดยยังคงราคาพื้นฐานที่ 12 บาทบนสมมติฐานว่า BEM ได้ต่อสัญญาสายสีน้ำเงินเดิมอีก 15 ปี เพื่อให้จบพร้อมกับสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่คาดว่า BEM จะได้สัญญา 25 ปี โดยคาดว่าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจะเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ปี 62
  • PTT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 380 บาท คาดกำไร 2Q16 แข็งแกร่ง ธุรกิจหลักได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาขึ้น และมองกำไรครึ่งปีหลังยังเด่น คาดฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ ได้แรงหนุนปริมาณขาย ต้นทุนลงแถมขาดทุน NGV ลดลง พร้อมปรับประมาณการขึ้นจากกำไรที่ดีเหนือคาด ลุ้นปันผล 5-6 บาท สะท้อนกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีก่อน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ