ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าร่วงลงกว่า 10 จุด ตามแรงขายที่มีออกมาในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบร่วงลงแรงเมื่อคืนนี้เกือบ 4% จากความกังวลต่อภาวะ Over Supply รวมถึงยังมีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มขนส่ง สื่อสาร และแบงก์ ฉุดให้ดัชนีปรับตัวลง ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบ
เมื่อเวลา 10.32 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,502.61 จุด ลดลง 10.01 จุด (-0.66%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.41 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,503.04 จุด ลดลง 9.58 จุด (-0.63%)
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบ ยกเว้นตลาดหุ้นอินโดนีเซียที่อยู่ในแดนบวก เพราะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้มองว่าเป็นแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว
อีกทั้ง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานรับผลลบไปด้วย โดยสัปดาห์นี้ก็ให้ติดตามรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนกรกฏาคมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของทั้งจีน, สหรัฐฯ และยุโรป ต่างออกมาชะลอตัวกันทั่วหน้า มองว่าเริ่มรับผลจากกรณีที่อังกฤษจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) บ้างแล้ว
สำหรับตลาดหุ้นไทยก็รอดูผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,514 จุด