"แอพเพิล เวลธ์"มอง SET เดือนส.ค.ลุ้นผลประชามติ รธน.ผ่านดันดัชนีแตะ 1,600 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 2, 2016 11:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน ส.ค.59 มีประเด็นสำคัญอยู่ที่การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. นี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินสถานการณ์การลงทุนหลังผลประชามติไว้ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 ผลประชามติผ่านร่างรัฐธรรมนูญ จะส่งผลบวกต่อเม็ดเงินต่างชาติที่คาดจะยังไหลเข้าสะสมหุ้นไทยได้อีกราว 4-5 หมื่นล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลัง เทียบเคียงเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าในช่วงการเลือกตั้งปี 50 ที่สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท

ประกอบกับ Valuation ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันระดับ Forward P/E ที่ 16.4 เท่า ยังถูกเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ที่ระดับ 17.30 และ 20.50 ตามลำดับ ดังนั้น หากผ่านประชามติดัชนี SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,575-1,600 ( Forward P/E 17 – 17.3 X)

"SET ในช่วงการตั้งสสร. ปี 50 จนถึงช่วงประชามติส.ค. 50 มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นคงนักลงทุนที่จะมีการเลือกตั้งในธ.ค.50 เปรียบเทียบกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนก.ค.59 จำนวน 8 หมื่นล้านบาท สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนหากสามารถจัดการเลือกตั้งได้ในช่วงปลายปี 60 ถึงต้นปี 61"นายอภิชัย กล่าว

นายอภิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ 2 ผลประชามติไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,480 จุด เนื่องจากการเลือกตั้งจะล่าช้าออกไปจากโรดแมพของรัฐบาลที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งในช่วง ปลายปี 60 ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน อย่างไรก็ตามประเมินตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะดอกเบี้ยต่ำ , การอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น ( BOJ) , ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ,ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และหากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐยังไม่สามารถปรับขึ้นได้จนถึงปลายปีนี้ ปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ส่งผลให้ดัชนี SET ยังมี Downside Risk อยู่ในระดับต่ำ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK- SCB - BBL - KTB) จากปัจจัยบวกสินเชื่อมีโอกาสขยายตัวในครึ่งปีหลัง , การชะลอตัวระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ประกอบกับมูลค่า P/BV กลุ่มธนาคารปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ และแนะนำซื้อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK-STEC) จากปัจจัยบวกโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม , ชมพู-เหลือง และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ,กลุ่มท่องเที่ยว ( AOT-AAV-BA ) จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ แนะนำหุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภค เช่น CPALL-BJC-QH


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ