กบข.คาดผลตอบแทนลงทุนปีนี้อาจสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.6% หลังตลาดหุ้นไทย-อสังหาฯโตดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 2, 2016 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ในปีนี้มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3.6% หลังผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน ก.ค.ทะลุ 3% ไปแล้ว โดยผลตอบแทนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 7% แต่อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เข้ามาเป็นหลักก็ยังมาจากพันธบัตรรัฐบาลที่มีสัดส่วนถึง 60%

สำหรับผลของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.59 เชื่อว่าจะไม่ได้เป็นผลกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยมองว่าอาจจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ ก็เชื่อว่าจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาทดแทน เพื่อที่ภาครัฐบาลจะสามารถดำเนินนโยบายตามโรดแมพต่อไปได้

"กบข.ลงทุนแบบระยะยาวยาวจริงๆ ซึ่งเราจะไม่หวั่นไหวกับปัจจัยระยะสั้นใน 2-3 เดือน ซึ่งในส่วนของการลงประชามติในครั้งนี้เองเราก็มองว่าคงเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น จะเห็นได้จากเรื่องของ Brexit ที่เกิดขึ้นหลาย ๆ คนมองว่าจะเป็นผลกระทบอย่างหนัก แต่ก็กระทบแค่ 2 วัน ตอนนี้ตลาดฯดีกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ"นายสมบัติ กล่าว

นายสมบัติ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนในปัจจุบัน ยังต้องติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบัน แต่หากเศรษฐกิจไทยยังมีความอ่อนแอ หรือซึมตัวก็มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก แตอย่างไรก็ตามยังตามต้องติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯด้วยว่าจะเป็นอย่างไร

ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการจัดการลงทุน กบข.กล่าวว่า ต่างชาติยังมองประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากประเทศไทยมีงบประมาณเกินดุล ส่งผลให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่าลง และแสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อยังเหลือ ทั้งในภาคประชาชน และบริษัทต่าง ๆ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศไทยว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวมากกว่าที่จะถดถอย

สำหรับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นนั้นก็ยังคงต้องติดตามความสามารถของบริษัทจดทะเบียนว่าจะทำได้ตามที่มีการคาดการณ์หรือไม่ หากสามารถทำได้ตามที่คาดการไว้ ผลประกอบการที่ดีก็จะช่วยให้ระดับ P/E ปรับลดลง ก็คงจะไม่เกิภาวะฟองสบู่

ขณะที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโต่ได้ไม่ต่ำกว่า 3% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมาการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง แต่ยังพบว่าบัญชีเงินฝากที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทปรับตัวสูงขึ้น และแสดงให้เห็นถึงการออมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 5% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็ชะลอตัวลง เห็นได้ชัดสุดคือบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ลงทุนลดลงไปค่อนข้างมาก นอกจากนี้ การที่ภาครัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ก่อนหน้านี้ปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยนั้น โดยจากผลสำรวจแล้วมีเงินในส่วนนี้ถึง 3-4 แสนล้านบาท และพอเงินในส่วนนี้หายไปก็ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้า ๆ แต่ก็เชื่อว่าหลังจากขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยก็จะเดินได้ง่ายและเติบโตได้ดีขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่งด้วยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง อัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสม โดยทั้งนักลงทุนต่างชาติ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และผู้บริโภค ต่างรอดูความชัดเจนจากภาครัฐบาล ทั้งในเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค.59 และการดำเนินตามโรดแมพของประเทศที่วางไว้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนและการเมืองนิ่งขึ้น เชื่อว่าประเทศไทยจะเติบโตได้ดีและรวดเร็วกว่าแต่ก่อน

"หากดูผิวเผินก็คงสรุปได้ว่าประเทศไทยใกล้จะแย่แล้ว แต่พอไปมองถึงภายใน ทั้งในเรื่องของเงินออม กำไรของบริษัทจดทะเบียน เห็นได้ชัดว่าคนไทยมีเงินเยอะขึ้น เอกชนทำกำไรได้ดีขึ้น แต่ต่างก็รอความชัดเจน และการเมืองที่นิ่งขึ้น หากเห็นความชัดเจนและนิ่ง เชื่อว่าจะดีแบบท่อน้ำแตกไปเลย คือ ดีแบบมาก ๆ เพราะได้ขจัดสิ่งสกปรกเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชั่นออกไปแล้ว"นายสมชัย กล่าว

อนึ่ง วันนี้ กบข.จัดงานสัมมนา "GPF Seminar 2016 เศรษฐกิจโลกขยับก้าว...เศรษฐกิจไทยขยับไกล : กบข. เดินหน้าอย่างไร" โดยมีปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ กบข. มากล่าวปาฐกถาพิเศษ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ