CEO บล.ทิสโก้ มองสภาพคล่องล้นโลกยังหนุน SET Index ในระยะยาวไม่ว่าร่างรธน.จะผ่านประชามติหรือไม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 3, 2016 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวในงาน Exclutive Tea Talk หัวข้อ"อนาคตตลาดทุนไทยหลังประชามติ" โดยมองว่ามีโอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 59 จะผ่านการทำประชามติ ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างเร็วภายในเดือน ต.ค.60 หรืออย่างช้าราวเดือน ม.ค.61 เนื่องจากมีกฏหมายลูกบางส่วนที่สามารถหยิบยกมาจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าได้

แต่หากผลการทำประชามติออกมาว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะสามารถเลือกตั้งได้เมื่อใด ซึ่งอาจจะต้องไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาใช้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด

สำหรับผลต่อตลาดทุนไทยนั้น หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติไปได้ก็จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้ามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 1,600 จุด แต่หากไม่ผ่านก็มองว่าดัชนีอาจจะปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด โดยมีแนวรับที่สำคัญอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระยะยาวดัชนีตลาดหุ้นไทยก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากสภาพคล่องที่ยังล้นโลกอยู่ ซึ่งมาจาก 4 แหล่งหลัก คือ ญี่ปุ่น ยุโรป อังกฤษ รวมไปถึงสหรัฐ

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่ที่ไหลเข้ามาเป็นการเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ แต่ปัจจุบันในตลาดคราสารหนี้ให้ผลตอบแทนลดลง หรืออาจติดลบ ทำให้นักลงทุนนำเงินโยกออกมาจากตราสารหนี้เพื่อเข้าลงทุนในตลาดการเงินอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่ยังมีแนวโน้มเงินลงทุนจะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

และหากเทียบกับในอดีตที่ต่างชาติมีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยถึงกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันยังมีเพียง 8 หมื่นล้านบาท ประกอบกับราคาหุ้นในปัจจุบันยังถือว่าต่ำกว่าตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยตลาดหุ้นไทยมี P/E อยู่ที่ระดับ 15 เท่า ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มการเติบโตได้ดี โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10%

"เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ประชาชนจะรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากเป็นในแนวทางนั้นจริงการเลือกตั้งคงจะเกิดขึ้นในปี 61 แต่ก็มีความไปได้ที่จะเร็วกว่านั้น เพราะบางขั้นตอนก็สามารถทำได้เร็ว และเชื่อว่าดัชนีปี 60 จะทะลุ 1,600 จุด แต่หากไม่ผ่านก็จะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลง แต่มองเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ตลาดหุ้นไทยยังเป็น Bull Market ซึ่งปริมาณเงินที่มากในปัจจุบัน ประกอบกับตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ลดลง หรือถึงขั้นติดลบ ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดี โดยในช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนถึง 7% ทำให้เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"นายไพบูลย์ กล่าว

สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงจากแรงขายของนักลงทุน หลังผลประชามติกรณีอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และแม้หลายประเทศได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าที่นักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ รวมไปถึงผลตอบแทนในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามด้วย แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าดัชนีจะยังยืนอยู่ที่ระดับ 1,500 จุดได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ