นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจาก Sentiment จากภายนอกค่อนข้างดี โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างบวกเล็กน้อย และราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) วันนี้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ เพื่อมองแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯในอนาคต
สำหรับบ้านเราก็มีเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในปลายสัปดาห์นี้ ทำให้มองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะแกว่งต่างจากตลาดอื่นได้ในช่วงนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,355.00 จุด เพิ่มขึ้น 41.23 จุด (+0.23%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,159.74 จุด เพิ่มขึ้น 22.01 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.79 จุด เพิ่มขึ้น 6.76 จุด (+0.31%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 85.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 134.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.15 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ส.ค.59) 1,507.47 จุด เพิ่มขึ้น 9.96 จุด (+0.67%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,197.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ส.ค.59) ปิดที่ 40.83 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 3.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ส.ค.59) ที่ 3.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.99 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์ฟื้น,มองกรอบ 34.90-35.05
- เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเสี่ยงที่จะโตได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ 3.1% จากความเสี่ยงในต่างประเทศเป็นหลัก เช่น การแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดย กนง.มีการพูดคุยเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีเครื่องมือดูแลอยู่แล้ว และไม่จำกัดเฉพาะดอกเบี้ย ยังมีเครื่องมืออื่น รวมถึงการใช้นโยบายแม็คโคร พรูเดนเชียล (Macroprudential) ที่ผสมผสานการกำกับสถาบันเงิน
- ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างทีโออาร์ประกวดราคาจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน วงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท คาดจะขายซองประกวดราคาและจัดประมูลอี-ออกชั่น ใน 2-3 เดือนข้างหน้า
- คมนาคมเร่งเครื่องลงทุนรถไฟฟ้า เตรียมทำแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้าระยะ 2 ผุดอีก 10 สาย ขยายโครงข่ายเชื่อมชานเมืองกับกรุงเทพฯ วางเป็นแผนระยะ 10 ปี สนข.คาดเคาะจ้างที่ปรึกษาได้เดือนธันวาคม ใช้เวลาศึกษา 1 ปี ทำแผนได้เสร็จปี 60
*หุ้นเด่นวันนี้
- IRPC (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 5.60 บาท งวด 2Q59 รายงานกำไรสุทธิ 3.7 พันล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง 23%QoQ หลัก ๆ เป็นกำไรจากรายการพิเศษ เช่น กำไรจากสต็อกน้ำมันรวม LCM 2,242 ล้านบาท, แนวโน้มค่าการกลั่นทรงตัวต่ำ แต่จะได้ UHV มาช่วยเติมเต็มช่วงครึ่งหลัง และโครงการ Everest เป็น Upside ส่วนเพิ่ม
- AP (เคจีไอ) เป้า 8.8 บาท ยังคงประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมฯ พ้นจุดต่ำสุด ขณะที่การเร่งเปิดโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ จะเป็น Sentiment บวกต่อผู้พัฒนาอสังหาฯติดแนวรถไฟฟ้า นอกจากนี้ PE ไม่แพง ประเมินปีนี้ 8.6 เท่า และลดเหลือ 6.5 เท่าในปีหน้า
- BJCHI (โกลเบล็ก) เป้า Consensus 8.1 บาท คาดกำไร Q2/59 ราว 210-250 ลบ.(+38% YoY แต่-26% QoQ)จากรับรู้รายได้ 2 งาน 1,400 ล้านบาทซึ่งมี Margin ค่อนข้างต่ำ แต่มองเป็นจุดต่ำสุดของปีและจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง มีจุดเด่นปันผลสูง 6-7% ผู้บริหารยืนยันเป้าปี 59 รายได้ +10-15% เป็น 6.3 พันลบ.มี Backlog ราว 4.5 พันลบ.และจะรักษา Gross Profit ไว้ที่ 20% Net Profit ที่ 15% และครึ่งปีหลังเตรียมเข้าประมูล 5 โครงการใหญ่ในออสเตรเลีย มาเลเซีย และสหรัฐ มูลกว่า 290 ล้านเหรียญฯ อีกทั้งตั้งเป้าประมูลงาน Renewable Energy 37 ล้านเหรียญฯ เช่น โซล่าฟาร์มลอยน้ำออสเตรเลีย และ Wind Farm อินเดีย
- TVO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 34 บาท แนวโน้มกำไรปกติปี Q2/59 จะสูงสุดในรอบ 15 ไตรมาสที่ 711 ล้านบาท +60% Q-Q, +37% Y-Y จากปริมาณขายเพิ่ม-ต้นทุนวัตถุดิบปรับลง แต่กำไร H2/59 จะแผ่วเพราะวัตถุดิบจะปรับขึ้นในช่วง Q3/59 ถึงต้น Q4/59 จากสต็อกถั่วเหลืองราคาสูงที่ซื้อไว้ในเดือน มิ.ย.เราปรับเพิ่มกำไรปกติปีนี้ขึ้น 14.8% เป็น +25% Y-Y (เดิมคาด +9% Y-Y) ส่วนปี 60 คาดกำไรปกติ +11.7% Y-Y และคาดปันผลระหว่างกาล 1.1 บาท/หุ้น (Yield 3.4%)