บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 เอไอเอสมีรายได้รวม อยู่ที่ 36,482 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9,596 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเติบโต 19% จากไตรมาสแรก ขณะที่ปัจจุบัน เอไอเอสมีลูกค้ารวม 39.4 ล้านราย เป็นลูกค้าระบบรายเดือนเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนราย รวมเป็นลูกค้ารายเดือน 5.8 ล้านราย และระบบเติมเงิน 33.5 ล้านราย
โดยลูกค้ามีแนวโน้มในการใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มมากขึ้น จากจำนวนสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีราคาถูกลง และแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตราคาดึงดูดใจทำให้ลูกค้านิยมใช้มากกว่าเดิม ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการดาต้าเติบโตถึง 20% จากปีก่อน และมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 กิกะไบต์/เลขหมาย/เดือน เติบโตเป็นเท่าตัวภายในช่วงสองปีที่ผ่านมา อีกทั้งค่าใช้จ่ายในแคมเปญแจกเครื่องมือถือลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง หลังชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900MHz
ส่วนธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 115,000 ราย ขยายพื้นที่บริการครอบคลุมสู่ 2.6 ล้านครัวเรือนใน 15 จังหวัด ส่งผลให้ในภาพรวม ผลประกอบการของเอไอเอสจึงคงครองอันดับ 1 ทั้งรายได้ กำไร และจำนวนลูกค้า ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเอไอเอส กล่าวว่า จากการที่เอไอเอสประมูลคลื่นความถี่ 900MHz ได้ ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งในระยะยาว เนื่องจากมีคลื่นความถี่เพียงพอในการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถให้บริการลูกค้าในระบบ 2G ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อผนวกรวมกับระบบ 3G และ 4G เป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านเครือข่ายดิจิทัลอันดับ 1 ของเอไอเอส ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาทุก ๆ ด้าน เพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดมามอบให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเครือข่ายที่ดีที่สุด
นับตั้งแต่การเปิดให้บริการ 4G ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 77 จังหวัด และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 7 ล้านราย ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ และครอบคลุมที่สุดของประเทศ รวมทั้ง การมีบุคลากรคุณภาพ ที่ทำงานอย่างมืออาชีพ มุ่งมั่นทำงานเพื่อลูกค้าด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือ การส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุดในทุกด้าน
สำหรับทิศทางในปีนี้ มองว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย งานบริการ และการมอบสิทธิพิเศษที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งเอไอเอสมีความพร้อมอยู่แล้วในทุกๆ ด้าน อีกทั้งยังมุ่งมั่นเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลโดยเฉพาะการสร้างความเติบโตในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งปัจจุบันสามารถให้บริการ AIS Fibre ครอบคลุม 2.6 ล้านครัวเรือนเรียบร้อยแล้ว และตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 6.5 ล้าน ครัวเรือนใน 24 จังหวัดภายในสิ้นปี 59