โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) จากคาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโตราว 13-15% โดยมองกำไรครึ่งปีหลังดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เพราะไตรมาส 4/59 เป็นไฮซีซั่น โดยการเติบโตยังมาจากยอดขายของสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ที่ในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มอีก ทั้งโฮมโปร 3 สาขา Mega Home 2-3 สาขา และโฮมโปร มาเลเซีย 1 สาขา
ขณะที่ปีนี้มีการจัดอีเวนท์เพิ่มจากปกติที่จัดปีละ 2 ครั้งในช่วงต้นปีกับปลายปี แต่ปีนี้จัดเพิ่มในเดือน ก.ค.คือ HomePro Fair ทำให้กำไรไตรมาส 3 มีความผันผวนน้อยลง นอกจากการจัดกิจกรรมเพิ่มแล้ว ยังจะเปิดร้านขายสินค้ารูปแบบใหม่ Home Living ทำตลาดกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาววัยรุ่น ซึ่งเดิมไม่ใช่ลูกค้าหลัก ขณะที่ Home Makeover ก็ได้รับการตอบรับดี เพิ่มรายได้ค่าบริการ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็น่าจะกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคด้วย
ราคาหุ้น HMPRO พักเที่ยงวันนี้อยู่ที่ 11 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท (+2.80%) นับตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น HMPRO ปรับขึ้นแล้วราว 61.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นราว 18%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 11.60 บล.ฟิลลิปฯ ซื้อ 11.40 บล.เออีซี ซื้อ 11.40 บล.บัวหลวง ซื้อ 11.00 บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ซื้อ 11.60 บล.ธนชาต ซื้อ 13.00
น.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น HMPRO มองแนวโน้มกำไรช่วงครึ่งปีหลังดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แม้ผู้บริหารยังไม่เห็นสถานการณ์กำลังซื้อฟื้นตัวได้ชัดเจนนัก แต่ในแง่ของการเข้าร้านของลูกค้ายังถือว่าดี จากอัตราเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในช่วงครึ่งปีหลังจะยังบวกต่อเนื่องราว 3-4% จาก 3.3% ในครึ่งปีแรก นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในช่วงครึ่งหลังอีก ได้แก่ โฮมโปร 3 สาขา Mega Home 2-3 และ โฮมโปร มาเลเซีย 1 สาขา
อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 อาจลดลงจากไตรมาส 2/59 เล็กน้อย และจะกลับมาดีขึ้นทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/59 เพราะเป็นไฮซีซั่น และมีงาน Expo ครั้งที่ 2 ของปี โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ไว้ที่ 3,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากปีก่อน และคาดปี 60 จะโตต่อเนื่อง 14.9%
"สิ่งที่ update เพิ่มคือปกติการจัดอีเวนท์ของ HMPRO จะมีปีละ 2 ครั้ง คือไตรมาส 1 กับไตรมาส 4 และปกติไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำสุดของปี แต่ปีนี้ HMPRO มีจัดงาน HomePro Fair เพิ่มอีก 1 อีเวนท์ ทำให้ดึงลูกค้าเพิ่มเติม ซึ่งงานนี้จะมีพวกร้านอาหารและร้านอื่น ๆ เข้ามาดึงลูกค้า ทำให้รายได้กำไรรายไตรมาสผันผวนน้อยลง จากกำไรไตรมาส 3 ที่เคยแผ่วแรงก็จะไม่แผ่วแรงอีกต่อไป
นอกจากมีร้านโฮมโปร ร้าน Mega Home และร้าน Bike Club แล้ว เดือนตุลาคมนี้จะมีร้านค้ารูปแบบใหม่ Home Living เป็นร้านขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ แยก stand alone ออกมา เน้นขยายฐานลูกค้าทำตลาดกลุ่มลูกค้าวัยหนุ่มสาว กลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเดิมไม่ใช่ลูกค้าหลักของ HMPRO ขณะที่การจัดทำรายการทีวี Home Makeover "ปรับบ้านเปลี่ยนชีวิต" ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งการมีกิจกรรมใหม่ และร้านค้ารูปแบบใหม่ จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของรายได้"น.ส.สุรีย์พรกล่าว
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"ปรับราคาพื้นฐานปี 60 ที่ 11.40 บาท ยังคงประมาณการกำไรปี 59 เติบโต 14.1% ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 ออกมาดีกว่าคาดเติบโต 20.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14.4% จากไตรมาสก่อน โดยยอดขายเติบโตทั้งจากสาขาเดิมและสาขาใหม่
ขณะที่ยังคงมอง HMPRO จะเติบโตดีในปีนี้หลัง SSSG ส่งสัญญาณบวก และมองผลการดำเนินงานจะเติบโตต่อเนื่องได้ในระยะกลาง 3-5 ปี พร้อมเดินหน้าขยายสาขา Mega Home และโฮมโปร มาเลเซีย ซึ่งคุ้มทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บทวิเคราะห์ บล.เออีซี แนะ"ซื้อ"HMPRO แม้มองว่าช่วงไตรมาส 3/59 กำไรจะอ่อนลงเมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล แต่คาดยังเติบโตสดใสเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเข้าสู่พีคของกำไรช่วงไตรมาส 4/59 จากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง อีกทั้ง Mega Home ก็ยังมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น หนุนปี 59 คาดว่ากำไรจะเติบโต 15.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโตต่อ 12.2% เมื่อเทียบปีต่อปีในปี 60 ราคาหุ้นยังมี Upside
บล.บัวหลวง ปรับคำแนะนำ จาก"ถือ"เป็น"ซื้อ"หุ้น HMPRO ที่ราคาเป้าหมาย 11 บาท จากมุมมองกำไรในไตรมาส 2/59 ที่ดีกว่าคาด จากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้มีการปรับประมาณการกำไรในปี 59 และ 60 ขึ้น 4%
ทั้งนี้ มองว่ามองว่า HMPRO ถือเป็นบริษัทที่น่าลงทุนในระยะยาว จากอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี (CAGR) ที่ 20% อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรจากธุรกิจ Home Service ซึ่งเป็นตัวที่จะทำให้ลูกค้าหันมามอง HMPRO เป็นอันดับต้นๆ เมื่อคิดที่จะปรับปรุงที่อยู่อาศัย และจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ของลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้นในไตรมาส 4/59 บริษัทจะเปิดตัว Home Living 3 แห่ง โดยจะเน้นขายสินค้าครัวเรือนเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้าของบริษัทและจับกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสที่จะเติบโตสูงหนุนการเติบโตในระยะยาว