นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า โดยได้รับปัจจัยบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ทำให้ความวิตกเรื่องเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะชะลอตัวก็ลดน้อยลง ส่วนในประเทศก็มาจากที่มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว ทำให้เห็นได้ว่าจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ได้ ซึ่งเมื่อมีการเลือกตั้งก็ต้องมีการใช้จ่าย อีกทั้งองค์กรต่างประเทศที่ค้างอยู่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี จับตาตัวเลขเศรษฐกิจของจีนต่อไป ซึ่งถ้าออกมาดีก็จะทำให้ตลาดฯดียิ่งขึ้นไปอีก พร้อมให้แนวต้านที่จุด High เดิมที่ 1,533 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,513-1,508 จุด โดยดัชนีฯมีโอกาสที่จะทะลุ High เดิมได้
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,543.53 จุด เพิ่มขึ้น 191.48 จุด (+1.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,221.12 จุด เพิ่มขึ้น 54.87 จุด (+1.06%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,182.87 จุด เพิ่มขึ้น 18.62 จุด (+0.86%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 207.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 178.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 30.95 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 22.69 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ส.ค.59) 1,518.69 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด (+0.71%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 989.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ส.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ส.ค.59) ปิดที่ 41.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.31%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ส.ค.59) ที่ 4.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.01/03 อ่อนค่าจากแรงขายทำกำไร มองกรอบวันนี้ 34.95-35.10
- ผลการลงคะแนนประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่ามีประชาชนเห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 15.56 ล้านคน ไม่เห็นชอบ 9.78 ล้านคน ส่วนประเด็นคำถามพ่วง เห็นชอบ 13.96 ล้านคน ไม่เห็นชอบ 10 ล้านคน จากผู้มาใช้สิทธิทั่วประเทศ 27.6 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ 55%
- รองนายกรัฐมนตรี เผยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายว่าต้องทำให้เสร็จใน 3 เดือนนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งทางราง ท่าเรือ และสนามบิน คาดว่าภายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ส.ค.จะรวบรวมรายละเอียดเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเพื่อเดินหน้าโครงการต่อไปได้
- ซีไอเอ็มบีชี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตต่ำกว่า 3% เหตุภาคการลงทุนเอกชนยังไม่เกิด การส่งออกยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ส่วนบาท ยังผันผวนแนวโน้มระยะยาวยังอ่อนค่า จับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยปลายปี หวังผลประชามตินำไปสู่ความชัดเจนการเลือกตั้งช่วยฟื้นความเชื่อมั่น-ลงทุนภาคเอกชน
- อธิบดีกรมบังคับคดี เผยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เชิญกรมบังคับคดีและสมาคมธนาคารไทย บริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) หารือร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่จะมีผลบังคับใช้ปี 2560 ว่าจะมีหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี ที่ดินที่เป็นสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) อย่างไรบ้าง
- กรอ.มึนยอดตั้งโรงงาน 7 เดือน ลดวูบกว่า 13% หลังเอกชนหวั่นเศรษฐกิจโลกผันผวนฉุดภาคการลงทุน มั่นใจนโยบายรัฐสร้างบรรยากาศการลงทุนช่วงท้ายปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- ASK (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 28 บาท “Earnings Momentum เป็นขาขึ้น" คาดกำไรไตรมาส 2/59 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 185 ล้านบาท (+8.8% YoY และ +7.5% QoQ) และ 2H59 ได้อานิสงส์การ Roll-over หนี้ครบกำหนดชำระ 7.3 พันล้านบาท (คาดดอกเบี้ยจ่ายลดลงทันที 50 ล้านบาทใน 2H59 คิดเป็น EPS 0.14 บาท/หุ้น) และ PE ปีนี้ต่ำเพียง 10.5 เท่า Dividend yield 6.7% ต่อปี (เทียบกับ PE หุ้นในกลุ่มลีสซิ่งอย่าง THANI 15.7 เท่า, TK 12.4 เท่า, GL 63 เท่า)
- SCB (ยูโอบีเคย์ เฮียน) จากปัจจัยพื้นฐานของธนาคารที่ดีเราจึงคาดว่ารายได้ของธนาคารจะยังเติบโตขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ในสถานการณ์ที่สภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงคุณภาพทรัพย์สินที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ credit cost กลับมาอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ SCB ยังเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลโดดเด่นที่ระดับ 4%
- THAI (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ 2Q59 จะดีขึ้น yoy แต่ลดลง qoq เนื่องจากเป็นช่วง low season ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึง 1Q60 จากช่วง high season นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวที่ยังแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ต้นทุนลดลงจากการปฏิรูปองค์กรในปี 58 และการรับรู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่ต่ำเต็มที่เมื่อเทียบกับปี 58 ที่ทำประกันราคาน้ำมันในระดับสูงที่ 80-90 เหรียญ/บาเรลล์
- BCP (โกลเบล็ก) เป้า 36 บาท (Consensus สูงสุด 41 บาท) คาดกำไรปี 59 ที่ 4,716 ล้านบาท +13% และคาดกำไร Q2/59 ที่ 1.7 พันล้านบาท (+3,573%QoQ) เพราะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น รวมถึงค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นราว 1 เหรียญฯ เป็น 6-6.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากต้นทุนน้ำมันดิบของบริษัทลดลง และมี Stock Gain ราว 900 ล้านบาท และเตรียมนำ BCPG เข้าจดทะเบียนในช่วงเดือน ต.ค. โดยผู้ถือหุ้น BCP จะได้รับสัดส่วนการจอง 20 หุ้น BCP ต่อ 1 หุ้น BCPG XB 16 ส.ค.
- EPG (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15 บาท ราคาหุ้นปรับลงมาจนน่าสนใจซื้ออีกครั้งเพราะราคาปัจจุบันคิดเป็น PE 23 เท่าปีนี้และ 20 เท่าปีหน้า เทียบกับการขยายตัวของกำไรเฉลี่ยในช่วง 2 ปีนี้ที่ 25% ขณะที่กำไรสุทธิ 1Q17 (เม.ย.-มิ.ย. 2016) เราคาด +10% Q-Q, +33% Y-Y หากไม่รวมผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติ +28% Q-Q, +64% Y-Y เป็นอีก 1 ไตรมาสที่กำไรเติบโตสวยงาม