บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) นำทัพธุรกิจกลุ่มเซ็นทรัล จัดงาน"เอสเอ็มอี ธิงค์บิ๊ก #คิดให้ใหญ่ ไปได้ไกล กับกลุ่มเซ็นทรัล" ขานรับนโยบายประชารัฐเพื่อผลักดันเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเป็นรูปธรรม สร้างโอกาสในการเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายกับกลุ่มเซ็นทรัล ชวนเอสเอ็มอี จับคู่ธุรกิจกับกลุ่มเซ็นทรัล (Business Matching) ชูความเชี่ยวชาญด้านค้าปลีกกว่า 60 ปี
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และเจ้าหน้าที่บริหาร CPN กล่าวว่า บริษัทได้นำกลุ่มธุรกิจ 5 กลุ่ม ของเซ็นทรัลกรุ๊ป ได้แก่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า และ กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน ผนึกกำลัง เปิดอาณาจักรค้าปลีกสมัยใหม่ จัด “เอสเอ็มอี ธิงค์บิ๊ก คิดให้ใหญ่ ไปได้ไกล กับกลุ่มเซ็นทรัล" ให้ผู้ประกอบการรายย่อย ได้เข้าถึงโอกาสการเติบโต และขยายธุรกิจ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
"เรามีพื้นฐานความรู้และวิธีการทำธุรกิจค้าปลีกหยั่งลึก และ มีเครือข่ายในการจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่ง รวมกว่า 1,300 จุดจำหน่าย ทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า การเปิดร้านค้าหลายรูปแบบ ขนาดต่าง ๆ ในศูนย์การค้า ซึ่งบริหารโดยซีพีเอ็น ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล ทั้งหมด 30 สาขา กระจายครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ โดยในทุกศูนย์การค้าของซีพีเอ็น เราได้นำกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ตลอดจนพันธมิตร ผู้ประกอบการร้านค้า ให้เติบโต ขยายกิจการ ก้าวหน้าไปด้วยกัน"นายปรีชา กล่าว
นายปรีชา กล่าวว่า ซีพีเอ็นพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนองค์ความรู้ต่าง ๆ ตลอดจน ระบบการบริหารจัดการ และการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อติดปีกเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค สร้างแบรนด์ไทยให้ขายได้จริง เพิ่มความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ ส่งเสริมรากฐานเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง เพื่อการเจริญเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน และผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำด้านสินค้าเอสเอ็มอีในระดับภูมิภาค
ทางด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า เชื่อว่าเอสเอ็มอีเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศไทย ประเทศไทยจะเจริญไม่ได้ รายได้ก็จะไม่ดี ถ้าเอสเอ็มอีไม่เติบโต โดยทุกวันนี้ถือเป็นยุคทองของเอสเอ็มอี ซึ่งทุกวันนี้ตลาดเอสเอ็มอีโตขึ้นมาก ทั้งเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อีกทั้งตลาดเปลี่ยนไปมาก เทคโนโลยีก็เปลี่ยน โดยภาคเอกชน บริษัทเล็กใหญ่ และสถาบันการเงิน ทุกคนมองเห็นตรงกันหมดว่า เอสเอ็มอี เป็นส่วนสำคัญที่จะต้องช่วยผลักดัน ทำให้ประเทศชาติเติบโต
ขณะนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เกิดความร่วมมือกับกลุ่มเอสเอ็มอีให้เป็นรูปธรรม อย่างกรณีของ CPN ,บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านสุกี้ เอ็มเค และบมจ.ซีโอแอล (COL) ที่มีความร่วมมือกันตั้งเริ่มต้นและเติบโตมาด้วยกัน ส่วนในอนาคตจะมีเอสเอ็มอีกี่รายที่เข้ามายังต้องขอเวลาพิจารณาอีกระยะหนี่ง
"กลุ่มเซ็นทรัลปี 60 จะมีอายุครบ 70 ปีแล้ว นอกจากเป็นห้างใหญ่ในไทยแล้ว และยังไปซื้อกิจการในยุโรปไว้ด้วย ปัจจุบันเป็นบริษัทชั้นนำในเดนมาร์ก อิตาลี เป็นต้น ขณะที่ในประเทศเวียดนามภายใน 4 ปี ห้างค้าปลีกของเรามียอดขาย 45,000 ล้านบาท/ปี มีสาขาในเวียดนาม 35 สาขา อยากให้มอง CPN เป็นแพลตฟอร์มของทุกธุรกิจทั้งอาหาร การเงิน เทคโนโลยี ออนไลน์ ออฟไลน์ ซึ่งปัจจุบันนี้เราก็มีแพลตฟอร์มที่ใหญ่โต อนาคตเราก็จะร่วมมือกันในลักษณะนี้"นายทศ กล่าว
"เอ็มเคอยู่ในตลาดมา 36 ปีแล้ว...ซึ่งเราก็ต้องปรับปรุง หาพาร์ทเนอร์ ซึ่งเราก็จะไปกับเซ็นทรัล เป็นการเสริมซึ่งกันและกัน เปิดร้านในห้างเราก็ไม่ต้องรอทราฟฟิก เป็นการพึ่งพาอาศัยกัน"
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ COL กล่าวว่า เดิมบริษัททำธุรกิจขายเครื่องเขียน หลังจากควบรวมกิจการกับกลุ่มเซ็นทรัลแล้ว ก็พบว่ายอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี จากเดิมยอดขายราว 1,700 ล้านบาทเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และหลังจากรวมกับเซ็นทรัลแล้วก็มีแผนขยายไปต่างประเทศด้วย ในปีนี้ปักธงที่เวียดนามก่อน ซึ่งการร่วมธุรกิจกับเซ็นทรัลเป็นการเสริมกิจการระหว่างกัน