KTBST มองตลาดยังมีแรงหนุนเงินไหลเข้า ลุ้นแตะ 1,550-1,566 จุด จับตาราคาน้ำมันดิบ ประชุมงบฯรสก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 10, 2016 10:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) มองภาวะตลาดไทยในวันนี้ว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ 2 ตัว คือ Dow Jones และ S&P-500 ทรง ๆ ตัวติดต่อกันเป็นวันที่สอง แต่ดัชนีของ NASDAQ นั้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดมาก สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ขยายตัวดี เพียงแต่ดัชนีตลาดหุ้นตัวหลักทั้งสองตัวนั้นช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง การพักตัวของตลาดจึงไม่น่ากังวลนัก

KTBST จึงมองในเชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่า ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมัน ภาวะ oversupply ยังเป็นแรงกดดันสำคัญต่อราคาน้ำมัน จากตัวเลข stock น้ำมันของสหรัฐฯและการผลิตที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม OPEC ซึ่งยังไม่รวม การส่งสัญญาณลบต่อราคาน้ำมันดิบหลังซาอุฯ ประกาศปรับลดราคาขายน้ำมันและปฎิเสธการเจรจาในเรื่องคงกำลังการผลิตน้ำมัน (Oil Freeze Plan) แม้หุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน จะเป็นลบและกลุ่มปิโตรเคมีนั้นเป็นบวกจากต้นทุนที่ต่ำลง และโรงกลั่นน้ำมันได้ค่าการกลั่นน้ำมันที่สูงขึ้น จากราคาน้ำมันเบนซินที่ขยับตัวสูงขึ้น (TOP,SPRC) ทำให้ราคาน้ำมันดิบที่ไร้ทิศทางแบบนี้ เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่า

สำหรับปัจจัยในประเทศ ผลบวกจากการลงประชามติกำลังหมดไป แต่ด้วยปัจจัยถ่วงตลาดที่เคยมีหลายๆตัว ไม่ว่าจะเป็นความกังวลด้านเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของตลาดหุ้นไทย ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าที่เราคาดก่อนหน้านี้ โดยมีแนวโน้มที่กำไรจะออกมาใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 ทำให้เรามองว่าปัจจัยในประเทศ จะช่วยหนุนให้เงินทุนจากต่างประเทศยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index คล้ายกับปี 57 มาก คือ เดินหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาเดียวกัน

ดังนั้น ภาพรวมของตลาดหุ้นวันนี้ ยังมองเป็นบวก ดัชนี SET Index มีโอกาสขึ้นแตะเป้าหมายที่เราคาดไว้ในสัปดาห์นี้ที่ 1,550-1,566 จุด ปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางตลาดในระหว่างวัน คือ ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาด และการประชุมเรื่องงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน มองว่าทิศทางตลาดจะเหมือนกับ 2 วันที่ผ่านมา คือ เปิดสูงและขายทำกำไรกัน และกลับมาบวกต่อในช่วงบ่าย

กลยุทธ์การลงทุน คือ ยึดกลุ่มนำคือหุ้นขนาดใหญ่ของแต่ละกลุ่มเป็นหลัก ผสมด้วยหุ้นที่คาดว่ากำไรจะออกมาดี การเข้าลงทุนจึงควรรอเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาในระหว่างวัน เน้นหุ้นที่มีวอลุ่มการซื้อขายมากๆไว้ก่อน โดยหุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นได้แก่ BBL, IVL, BANPU, KCE, ASEFA, CHG, HANA, GUNKUL


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ