นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดขายแล้ว 1.37 หมื่นล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราการเติบโต 41% เมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.45 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเหลือโครงการที่จะเปิดใหม่อีก 13-14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 11-12 โครงการ มูลค่าโครงการราว 9.5 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่รายได้ในปีนี้ก็เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.2 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1.26 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีหลังจะมีการโอนโครงการจากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะรับรู้เข้ามาอีกมูลค่า 7.3 พันล้านบาท โดยจะโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ 3 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ทั้งหมด 3.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปถึงปี 62
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ 22.4% และ 39% ทั้งในปีนี้และปี 60 ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ลดลง ประกอบกับ ต้นทุนทางการเงินของบริษัทที่ยังมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.29% ส่งผลดีต่อการทำกำไร แม้ว่าปัจจุบันต้นทุนการก่อสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการก่อสร้างบางโครงการ อย่างเช่น โครงการคอนโดมิเนียมใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 2-3 ปี ซึ่งระยะเวลาก่อสร้างที่นานทำให้ค่าก่อสร้างมีการปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะของอุตสาหกรรมที่เป็นในปัจจุบัน
นายไตรเตชะ กล่าวถึงแนวโน้มของค่าที่ดินที่ขณะนี้ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 13% จากปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 10-11% เนื่องจากผลกระทบของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 60 ทำให้เจ้าของที่ดินที่ต้องการระบายที่ดินออกนั้นมีการตั้งราคาที่สูงขึ้น ก่อนกฏหมายมีผลบังคับใช้ ทำให้ปัจจุบันราคาที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่าช่วงปลายๆปีราคาที่ดินจะเริ่มมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากมีซัพพลายที่จะขายที่ดินออกมามากขึ้น และทำให้ราคาที่ดินในปีนี้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไม่ถึง 10%
ด้านอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ลดลงมาเป็น 5.7% จากสิ้นปีก่อนที่ 7.7% ซึ่งการปรับตัวลดลงของอัตราการปฏิเสธสินเชื่อในครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ทำให้ลูกค้ามีการเร่งโอนและลูกค้ามีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเอกสารประกอบการกู้ยืมที่ดี ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อลดลง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มงวดการปล่อยสินเชื่ออยู่ และอาจมีการชะลอโอนของลูกค้าบางส่วนที่เกิดขึ้นหลังหมดมาตรการ ซึ่งบริษัทฯคาดว่าอัตราการฏิเสธสินเชื่อในปีนี้จะอยู่ที่ 6%