โบรกฯ เชียร์ SPALI ชูเป็น top pick อสังหาฯ คาดโตเด่นต่อเนื่อง-แข็งแกร่ง,งบสวย-ปันผลดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 10, 2016 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศุภาลัย (SPALI) หลังกำไรไตรมาส 2/59 เติบโตโดดเด่นรับประโยชน์มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และยกให้เป็นใน top pick ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่

ทั้งนี้ ประเมินว่ารายได้ครึ่งหลังของปี 59 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 60 และมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่า รวมถึงยอดขายรอโอน (Backlog) คุณภาพดี ขณะที่ยังมีที่ดินในมือรองรับการพัฒนาโครงการในปีนี้จนถึงปีหน้าค่อนข้างพร้อมมากกว่ารายอื่น จึงสามารถสนับสนุนการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

พร้อมกันนั้น ยังคาดหวังที่จะเห็นผลที่น่าตื่นเต้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิให้ปรับตัวดีขึ้นด้วย ขณะที่ SPALI ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งปีแรกที่ 0.50 บาทในช่วงเดือน ส.ค.59

ราคาหุ้น SPALI เมื่อเวลา 15.10 น. อยู่ที่ 24.90 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวานนี้

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ      เป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          กสิกรไทย                        ซื้อ           28.50
          กรุงศรี                          ซื้อ           29.00
          เคทีบี(ประเทศไทย)                ซื้อ           28.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                 ซื้อ           28.50
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)       ซื้อ           27.50
          เอเชีย เวลท์                     ซื้อ           29.00

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SPALI เนื่องจากมองแนวโน้มกำไรในปีนี้จะเติบโตได้ราว 11% และต่อเนื่องไปในปี 60 คาดว่าจะเติบโตได้อีก 15% โดยยังคงความได้เปรียบจากความหลากหลายของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม ทำให้ผลประกอบการยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมียอดขายรอโอน (Backlog) ค่อนข้างมากที่จะทยอยโอนได้อย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับ ภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น และความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ ในทำเลที่ดีและราคาเหมาะสมก็ยังมีกำลังซื้อที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทำให้ไม่ต้องรีบร้อนในการปิดโครงการ จึงเหมาะสมในการซื้อลงทุนระยะกลางถึงยาว

"ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ แต่ในอนาคตการเติบโตคงไม่ได้มาจากโครงการคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียว แต่จะเริ่มมีความต้องการที่เป็นโครงการแนวราบมากขึ้นในโครงการที่อยู่ชานเมือง และด้วย SPALI เป็นบริษัทที่มีทุกอย่างค่อนข้างครบ เราจึงมีมุมมองเชิงบวกที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายกวี กล่าว

นอกจากนั้น ยังประเมินว่า SPALI จะมีการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ 5% และในปี 60 ที่ 5.5% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมีระดับ P/E เพียง 8.7 เท่า และในปี 60 จะลดลงมาเหลือเพียง 7.6 เท่า ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SPALI เช่นกัน พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายในปี 60 เป็น 28.5 บาท จาก 26.5 บาท เพื่อสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการและอัตราการเติบโตของกำไรที่ยังแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ โนมูระฯ มองว่า SPALI เป็นหนึ่งใน top pick ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากกลยุทธ์เชิงรุกในการเพิ่มโครงการแนวราบในต่างจังหวัดประสบความสำเร็จเกินคาด ทำให้ momentum ยอดจองยังดีต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนที่ค่อนข้างแน่นอน ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า และสูงกว่ากลุ่มฯ

รวมไปถึง Backlog มีคุณภาพสะท้อนให้ให้เห็นว่ามีโอกาสที่คาดการณ์จะผิดพลาดค่อนข้างต่ำ ในขณะเดียวกัน SPALI ยังมีที่ดินรองรับสำหรับการพัฒนาโครงการเพียงพอสำหรับปีปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ถือว่ามีความพร้อมที่ค้อนข้างมากกว่ารายอื่นๆ ซึ่งเป็นการสนับการเติบโตในอนาคต

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงคาดกำไรสุทธิของ SPALI ในปีนี้จนถึงปีหน้าจะเติบโตเฉลี่ย 9% สูงกว่ากลุ่มฯ และยังคงจุดเด่นอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิค่อนข้างดีที่สุดในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทเผยกำไรสุทธิครึ่งปีแรกปีนี้ทำได้ 2.83 พันล้านบาท เติบโต 51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกที่ 0.50 บาท

ด้าน บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SPALI รายงานผลงานกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/59 ที่ 1.43 พันล้านบาท และคาดรายได้จะเติบโต 1.6% จากไตรมาส 1/59 และเติบโต 24% จากไตรมาส 1/58 มาอยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลที่จะลดค่าธรรมเนียมการโอน

ขณะเดียวกัน SPALI รายงานยอดขาย (Presales) ที่ 6.4 พันล้านบาทในไตรมาส 1/59 และไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งได้มาจากเดือน เม.ย. มากถึง 5 พันล้านบาท โดยเฉพาะยอด 1 พันล้านบาทนั้นเข้ามาในวันเดียวก่อนที่มาตรการฯ ของรัฐบาลหมดอายุ (28 เม.ย.59)

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/59 จาก 38% เป็น 38.6% และลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย จาก 9.8% เป็น 9.5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายวัสดุก่อสร้างลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะยิ่งช่วยเอื้อประโยชน์ให้ SPALI ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป ในขณะที่ผู้รับเหมากลุ่มที่สร้างที่อยู่อาศัยเริ่มมีการเสนอลดราคาค่าก่อสร้างให้กับบริษัท เนื่องจากการแข่งขันอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ SPALI คาดหวังอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ราว 6.1% โดยอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครึ่งแรกของปี 59 ปรับตัวลดลงมาที่ 5.7% จากระดับสูงสุดที่ 7.7% ในปี 58

พร้อมกันนี้ ยังคาดว่า SPALI จะจ่ายในงวดครึ่งปีหลังอีก 0.55 บาท หลังจากช่วงเดือนส.ค.ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดการดำเนินงานครึ่งปีแรก ที่ 0.50 บาท โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลทั้งปี เท่ากับ 4.3%

ส่วน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ กล่าวว่า ยอดขายรอโอนสิ้นงวดไตรมาสที่จะโอนปีนี้สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท หลังจากโอน 2 โครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ คือ Supalai Vista ติวานนท์ และ Supalai Elite สาทร สวนพลู ทำให้ยอดโอนไตรมาส 2/59 จะเติบโต 23% จากไตรมาส 2/58

ขณะที่มาร์จิ้นดีขึ้นเล็กน้อย เพราะการโอนไตรมาส 2/59 จะได้รับผลลบจากโครงการ Wellington ที่มีมาร์จิ้นต่ำน้อยกว่าช่วงไตรมาส 2/58 ซึ่งมีการโอนโครงการนี้มากกว่า ขณะที่รายจ่ายการขายและบริษัทมีการใช้งบการตลาดที่ไม่มากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ขนาดใหญ่ถึง 3 โครงการ จึงคาดหมายกำไรจะเติบโตตามการโอนสู่ระดับ 1.2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ SPALI ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องถึงปีหน้า ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 28 บาทจาก 24.50 บาท โดยยกไปอ้างอิงกำไรปีหน้า อีกทั้งมี Dividend Yield 5-6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ