นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) มั่นใจว่ารายได้ปีนี้โตประมาณ 15% ตามเป้าหมาย ยอดรายได้รวมน่าจะทะลุเป้า 2 หมื่นล้านบาท ตามแผน หลังเดินหน้าเพิ่มปริมาณการผลิตไก่ ต้นทุนต่ำลง เน้นส่งออกเพิ่ม และขยายสุกรเลี้ยงในประเทศ บวกขยายธุกิจในเวียดนามได้อานิสงส์ราคาสูงขึ้นในไตรมาส 2 ป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายตลาดไส้กรอกไก่ และอาหารสัตว์ภายนอกเครือไปพร้อมกัน
สำหรับแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง บริษัทจะเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์การแข่งขันเดิมบวกสินค้าใหม่ เพื่อปูพื้นฐานเข้าสู่การสร้างธุรกิจไก่ปรุงสุกใหม่ โดยจัดตั้งบริษัท ไทยฟู้ดส์ เฟอร์เธอร์ เพื่อขยายกำลังการผลิตสุกรชำแหละเพิ่มในภาคตะวันออกและภาคอีสาน เพิ่มพันธมิตรสุกรปรุงสุก รวมทั้งเพิ่มพันธมิตร ขยายวงเลี้ยงไก่ และเพิ่มโรงชำแหละไก่ และสุกรในประเทศ
ขณะที่ ไทยฟูดส์ จะขยายสาขาต่างจังหวัดต่อเนื่องเพื่อรองรับสินค้าใหม่ เช่น ไส้กรอกไก่ และสุกรชำแหละ บริษัทมีแผนงานที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่องกระจายเข้าสู่ภาคใต้และภาคอีสาน
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า การขยายตลาดภายในประเทศนัน บริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 55 สาขาในปีหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 44 สาขา โดยยังเน้นลูกค้ากลุ่มตลาดสด และกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ อีกทั้งยังมีการขยายตลาดส่งสุกรให้กับลูกค้าโมเดิร์นเทรดโซนภาคตะวันออก ส่วนตลาดฟู้ดส์เซอร์วิส เติบโตได้ค่อนข้างสูงและมีเชนร้านอาหารเข้ามาเป็นลูกค้าหลายราย อีกทั้งในไตรมาส 3 และ 4 จะมีสินค้ากลุ่มใหม่เกิดขึ้นอีกเพื่อเสริมสินค้าพื้นฐานที่มีอยู่แล้วให้หลากหลายมากขึ้น
ส่วนแผนการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทมีออเดอร์ส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและราคาที่สูงขึ้น ส่วนยุโรปชะลอการสั่งระยะสั้น เนื่องจากผลกระทบ Brexit แต่ยังมีออร์เดอร์รอส่งอยู่เป็นจำนวนมากจากที่ขายล่วงหน้า 3 เดือน และยังมีการขยายการเลี้ยงสุกรในเวียดนามเพิ่ม และมีแผนขยายโรงงานผลิตอาหารสัตว์เพิ่มเติมอีก ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้จากการส่งออก และธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของรายได้รวม
นอกจากน้น บริษัทยังะตั้งบริษัท ไทยฟู้ดส์เวียตนาม ที่ประเทศเวียตนาม เพื่อเสริมกำลังและเปิดช่องทางการขยายตลาดและสินค้าต่อเนื่อง เป้าหมายธุรกิจในเวียตนาม 900 ล้านบาทในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องเผชิญและบริหารความเสี่ยงในหลายด้านประกอบด้วยความเสี่ยงของโรคระบาด ราคาตลาดของสินค้าไก่และสุกรที่ขาย ราคาวัตถุดิบนำเข้าเช่น กากถั่วเหลืองและข้าวสาลี วัตถุดิบในประเทศ เช่น ข้าวโพด และ การลงทุนในเครื่องจักรเพื่อขยายการผลิต ซึ่งต้องใช้เงินสกุลต่างประเทศ ในขณะที่บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่เป็นเงินบาท และ เงินดอลล่าห์จากการขายส่งออก บางส่วน ทำให้บริษัทยังต้องบริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อ ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 59 บริษัทสร้างรายได้รวม 9,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,711 ล้านบาท หรือ 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 8,158 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,800 ล้านบาท หรือ 193% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 929 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าบริษัทสามารถเพิ่มรายได้ในเกณฑ์ดีพอสมควร และเพิ่มกำไรได้มากกว่าเนื่องจากการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิตของ FEED FARM FOOD
ในครึ่งปีแรกนี้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สะสมครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.17 บาท กำไรขั้นต้น 11% ROE 17%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่มีกำไรก่อนภาษี 738 ล้านบาท กำไรสุทธิ 671 ล้านบาท เติบโต (Earning Growth)ต่อแบบก้าวกระโดดจากไตรมาส 1/59 ถือเป็นบันไดอีกขั้นหนึ่งของการเทิร์นอะราวด์ของ TFG โดยเปลี่ยนขาดทุนเป็นกำไรชัดเจนในไตรมาส 1 ด้วยการลดต้นทุน ปรับพอร์ตการขาย ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ขยายกำลังผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของบริษัทฯ