นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า โรงงานแห่งใหม่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงาน ขณะนี้งานก่อสร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ต้นปี 60
โรงงานดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทต้องการพัฒนา “เถ้าแก่น้อย" ให้เป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวชั้นนำในระดับเอเชีย (Asian Brand) และแบรนด์ระดับโลก (Global Brand) ต่อไป
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/59 มีรายได้ 1,119.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10.0% จากไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิ 184.7 ล้านบาท คิดเป็น 16.5% ต่อยอดขาย โดยเพิ่มขึ้น 146.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15.0% จากไตรมาสที่ผ่านมา
ขณะที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรก บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,137.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 345.3 ล้านบาท คิดเป็น 16.2% ต่อยอดขาย โดยเพิ่มขึ้น 41.5% และ173.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยอดขายรวม 6 เดือนแรก ในประเทศมีอัตราเติบโต 18.6% จากกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น รวมถึงตลาดสาหร่ายขยายตัวจากกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์
รวมทั้ง การขยายช่องทางจัดจำหน่ายไฮเปอร์มาร์เก็ต และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สาหร่ายอบสอดไส้ ‘IPlus’ และขนมสาหร่ายทะเลทอดกรอบ ‘Seagle’ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับยอดขายต่างประเทศมีอัตราเติบโต 67.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะในตลาดจีนซึ่งมียอดเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากบริษัทได้เริ่มเข้าทำตลาดในช่วงปลายปี 2557 และได้แต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ตลอดจนยอดขายในฮ่องกงและเวียดนามมีการเติบโตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดอัตราส่วนสูญเสีย เพื่อลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามงบประมาณที่กำหนด โดย 6 เดือนแรก บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 35.2% ต่อยอดขาย
“เป็นความสำเร็จอีกไตรมาสที่เถ้าแก่น้อยสามารถทำยอดขายและกำไรเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยความตั้งใจในการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก พัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ตรงกับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัย ตามกลยุทธ์ทางการตลาดที่วางแผนไว้ ประกอบกับการที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามงบประมาณ ทั้งในด้านต้นทุนโรงงาน ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด รวมถึงค่าใช้จ่ายบริหาร ซึ่งเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ" นายอิทธิพัทธ์ กล่าว