นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า มุมมองเศรษฐกิจในเอเชีย บลจ.กสิกรไทย เห็นว่า การปฏิรูปประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ ในเอเชีย อาทิ แผนปฏิรูปตลาดเงินของจีนและแผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการของอินเดีย จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว ประกอบกับสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ของโลก อาทิ ยุโรปและญี่ปุ่น รวมไปถึงธนาคารกลางในเอเชียอย่างจีนและอินเดีย ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้น
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นเอเชียมีการปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะหุ้นเอเชียขนาดเล็กที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ส่งผลให้กองทุน K-ASIA ของบลจ.กสิกรไทยซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชีย ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 14.66% สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 10.73% (ณ วันที่ 29 ก.ค. 59) โดยตลาดหุ้นเอเชียได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า FED จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ประกอบกับตลาดมีแรงซื้อกลับหลังจากประเมินว่าเหตุการณ์ Brexit มีผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียค่อนข้างจำกัด
"แม้ว่าระดับราคาหุ้นเอเชียได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ถือว่าไม่ถูกมากนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชีย ว่ายังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีและมีความน่าสนใจอยู่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ"นายนาวิน กล่าว
ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 0.25% - 0.50% แต่ก็ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขฝั่งตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่องเช่นเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ทำให้เกิดการขาดดุลการค้าติดต่อกันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้มีประเด็นที่จะต้องติดตามคือการเลือกตั้งของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน โดยนโยบายการหาเสียงของแต่ละพรรคอาจมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนและความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้