GUNKUL เผยกำไรสุทธิครึ่งปีแรกโต 42.6% จากรายได้เพิ่มหลัง COD โรงไฟฟ้าโซลาร์-ลม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 11, 2016 10:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.59 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 315.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 221.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 42.62 % ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 มีกำไรสุทธิ 198.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 173.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.02%

เนื่องจากงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 59 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,496.07 ล้านบาท เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,193.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.33% แบ่งเป็นรายได้จากการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 419.66 ล้านบาท เนื่องจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในโครงการโซล่ารางเงินจำนวน 87 เมกะวัตต์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการวายุวินด์ฟาร์ม จำนวน 10 เมกะวัตต์

ส่วนไตรมาส 2/59 ที่ผ่านมา และรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 296.63 ล้านบาท โดยบริษัทฯส่งมอบงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กับลูกค้า และส่งมอบงานก่อสร้างโครงการโซลาร์รูฟให้กับการไฟฟ้านครหลวงเสร็จสิ้นในไตรมาส 2/2559 ที่ผ่านมาตามสัญญาฯ

ขณะที่รายได้จากการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าลดลงเป็นจำนวน 434.80 ล้านบาท เนื่องจากการจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการโซลาร์สหกรณ์และ ภาคราชการ มีการคัดเลือกผู้ผ่านคุณสมบัติให้ลงนามสัญญา PPA มีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม และเป็นเหตุให้ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการดังกล่าวมีความล่าช้าในการจัดหาอุปกรณ์ไฟฟ้าตลอดจนผู้รับเหมาในโครงการด้วยเช่นกัน

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 เท่ากับ 36.75% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 25.99% เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น โดยรายได้ประเภทนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้ประเภทอื่น

ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทที่ควบคุมร่วมกันเท่ากับ 133.34 ล้านบาท ลดลงจำนวน 12.54 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัทร่วมและบริษัทที่ควบคุมร่วมกันลดลง เพราะจากผลกระทบของค่า FT ที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน

“เชื่อว่าทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศยังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของบริษัทเองยังคงเดินหน้าหางานใหม่ ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ Backlog เพิ่มสูงขึ้น“นายสมบูรณ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ