นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท (MCOT) กล่าวถึงภาพรวมของการแข่งขันในตลาดโทรทัศน์ดิจิทัลช่วงครึ่งปีหลังว่า ทุกช่องต่างก็อยู่ในสภาวะที่ลำบาก จึงต้องมีการปรับผังรายการถี่ขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วปรับทุกๆ 2 เดือน เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า เอเจนซี่ รวมถึงผู้ชมรายการให้ได้ ซึ่งในส่วนของ อสมท ก็มีการปรับผังรายการเช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา
“เรามีการปรับผังรายการใหม่โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในส่วนของช่อง 9 MCOT HD เราได้เพิ่มน้ำหนักของรายการสาระในวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) ส่วน เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันพักผ่อน เราก็เพิ่มสัดส่วนของรายการบันเทิงให้มากขึ้น ด้านรายการที่เป็นแม็กเนต (Magnet) ของช่อง เช่น รายการ “ยิ่งถก กนกซัก" และ “ข่าวดังข้ามเวลา" นั้น ก็จะปรับเวลาออกอากาศมาอยู่ในช่วงไพร์มไทม์ เพื่อให้ตรงกับฐานผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดย “ยิ่งถก กนกซัก" ย้ายเวลาเป็น 17.15 - 17.45 น. ส่วน “ข่าวดังข้ามเวลา" จะย้ายไปออกอากาศช่วงค่ำ คือ 20.30 – 21.30 น. เริ่ม 15 สิงหาคม นี้"
สำหรับการหารายการใหม่มาเสริมผังนั้น นายศิวะพร เปิดเผยว่าเตรียมนำละครส่งเสริมสังคมที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาชีวิตของวัยรุ่น 2 เรื่องมาออนแอร์ในราวเดือนตุลาคม พร้อมเพิ่มซีรี่ส์สยองขวัญเอาใจคอหนังผี
“เราพยายามหารายการที่ตรงกับฐานผู้ชมที่มีอยู่เดิม คือเน้นที่รายการประเภทสาระ หรือสาระบันเทิง เป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เราได้เตรียมละครน้ำดี ที่มีเนื้อหาส่งเสริมสังคม คือเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการตีแผ่ปัญหาชีวิตของวัยรุ่นไว้ 2 เรื่อง คาดว่าน่าจะเริ่มออนแอร์ได้ในราวๆ เดือนตุลาคม
นอกจากนี้ ในส่วนของรายการบันเทิง เพิ่มละครซีรี่ส์เข้าไป เพื่อให้ผังรายการใหม่ของเรามีความหลากหลาย รวมถึงเป็นารขยายฐานผู้ชมด้วย โดยเราได้ละครสยองขวัญ “หลอนเดอะซีรี่ส์" ผลงานของผู้กำกับซีรี่ส์ใหม่แต่หน้าเก่า “หนุ่ม-คงกะพัน" ซึ่งได้นักแสดงเก่งๆ หลายคน เช่น แทค-ภรัณยู, จิ๊บ-ปกฉัตร, เจมส์-เรืองศักดิ์ และใหม่-สุคนธวา มาแสดงนำ ออกอากาศตอนแรกวันเสาร์ที่ 6 ส.ค. นี้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นปรากฏการใหม่ที่เกิดขึ้นในช่อง 9 MCOT HD และอยากเชิญชวนให้ผู้ชมโดยเฉพาะคอหนังสยองขวัญได้ลองชม รับรองว่าต้องสยองถูกใจแน่นอน"
ในส่วนของเรทติ้งนั้น นายศิวะพรเปิดเผยว่า ปัจจุบัน อสมท. อยู่ใน Top10 ซึ่งการที่เราเป็นช่องรายการประเภทสาระทำให้เราขยับเรทติ้งได้ลำบาก หากลองสังเกตดูอันดับที่ 1-7 จะเป็นช่องรายการบันเทิงทั้งหมด อย่างไรก็ตามเรายังคงเน้นจุดแข็งด้านการเป็นช่องรายการสาระบันเทิง เราเชื่อมั่นว่าตลาดผู้ชมในกลุ่มนี้ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นโจทย์ของเราก็คือจะทำอย่างไรจึงจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ชมกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด
"หลังจากที่เรามีการปรับผังรายการไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็มีการตอบรับที่ดีขึ้นทั้งจากผู้ชมและลูกค้า ซึ่งคาดว่ารายได้ต่อไตรมาสน่าจะดีขึ้น" นายศิวะพร กล่าว
ด้านกลยุทธ์การตลาด นายศิวะพร กล่าวว่า จะใช้แนวคิด Total Solution ผสานสื่อของ อสมท. ที่มีอยู่หลากหลายเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมและตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เรามีสื่อหลายประเภท ทั้งทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ส่วนเครือข่ายวิทยุเรามี 63 สถานีทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ รวมถึงกิจกรรมและอีเวนท์ เรียกว่าครบทั้งออนแอร์และออนกราวด์ สามารถสร้าง Impact ต่อผู้ชมได้ โดยเราจะนำมาบูรณาการรวมกัน ให้สื่อของเราสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากที่สุดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า"