นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดาดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/59 ที่จะรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จำนวนสูงกว่า 38,500 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สำหรับไตรมาส 2/59 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ 3,454 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ แม้ว่าบริษัทได้เลื่อนการเปิดขายโครงการใหม่จากไตรมาส 2/59 เป็นไตรมาส 3/59 ก็ตาม ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรกบริษัทสร้างยอดขายได้ 39% ของเป้ายอดขายทั้งปี และมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 10 โครงการ ซึ่งโครงการที่ได้เปิดตัวไปแล้วนั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการที่พักอาศัยในทุกระดับราคาทุกประเภทยังคงมีอยู่มาก โดยเฉพาะโครงการที่คุ้มค่า คุณภาพดี ทำเลใกล้รถไฟฟ้า
บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,528 ล้านบาท สูงกว่าเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ถึง 24% และเพิ่มขึ้นถึง 111% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 191% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังสร้างอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7% เพิ่มขึ้นจาก 5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทยังคงเป้ายอดโอนทั้งปีในระดับ 15,000-16,000 ล้านบาท
"ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายที่น่าพอใจทำให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ดี ทำให้บริษัทมีภาพรวมการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากตัวเลขโดยเฉพาะรายได้และกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งสอดคล้องกับในปี 59 ถือเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน (Harvest Period) ตั้งแต่เงินลงทุนจาก IPO ที่นำมาพัฒนาโครงการและมีการเปิดขายไปก่อนหน้านี้ รวมถึงการก่อสร้างได้แล้วเสร็จ และเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะเริ่มสร้างผลตอบแทนจากยอดโอนในปีนี้จำนวน 5 โครงการ "นายชานนท์ กล่าว
นายชานนท์ ระบุว่า บริษัทสามารถสร้างรายได้ดีกว่าเป้าหมาย จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม ไอดีโอ คิว ราชเทวี ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.และโอนต่อเนื่องได้เร็วกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งได้สร้างผลกำไรสุทธิที่ดีกว่าเป้าหมาย จากการควบคุมต้นทุน โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ ลดลงจาก 29% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 20% ในไตรมาสนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วก็ตามและสามารถรักษาวินัยทางการเงิน และบรรลุเป้าหมายการเติบโต โดยบริษัทฯ ได้ดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับเพียง 0.7:1 ณ สิ้นไตรมาส 2/59
บริษัทยังคงมีกระแสเงินสดที่มั่นคงและแข็งแกร่ง พร้อมมีเงินสดจำนวนมากเกินกว่า 2,700 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/59 และยังคงได้รับการสนับสนุนที่ดีจากธนาคาร รวมถึงมีทางเลือกหลายทางหากจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน โดยในเดือน พ.ค.59 ได้ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือประเภทด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน จำนวน 1,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
และบริษัทยังคงรักษาความมีวินัยทางการเงินโดยบริษัท ทริส เรทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ จากระดับ BBB- แนวโน้มเชิงบวก เป็นระดับ BBB แนวโน้มคงที่ พร้อมได้จัดอันดับตราสารที่มีลักษณะคล้ายทุนดังกล่าวในระดับ BB+ แนวโน้มคงที่