นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมสรุปแผนการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศในปี 59 นี้ 1 ดีล แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียด และมูลค่าการเข้าซื้อได้ในปัจจุบัน
"เราคงยังจะไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการเข้าซื้อกิจการได้ว่าเป็นอะไร และมูลค่าเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเรามีความพร้อมในเรื่องของเงินทุนที่จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ บริษัทฯก็มีเงินทุนเพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.4 เท่า และยังมีเงินที่ได้จากการระดมทุนด้วยการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) อีกราว 1 พันล้านบาท"นายกมล กล่าว
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำรายได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จาก 4.8 พันล้านบาทในปีก่อน โดยเป็นการเติบโตมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงหูหิ้วและถุงขยะที่คาดว่าเติบโตได้ราว 5% ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับบริโภคและอุปโภคเพื่อใช้ถนอมและยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตกีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยปกติยอดขายจะเติบโตดี ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นด้วย
"ตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นมาแล้ว ส่วนใหญ่การเติบโตของเราก็อิงไปตามภาวะเศรษฐกิจ โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัท นอกจากนี่ เรายังมีการขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย ล่าสุดได้ตั้งตัวแทนจำหน่ายในอังกฤษไปแล้ว และยังจะมองหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมในทวีปแอฟริกาด้วย จากปัจจุบันที่เรามีตัวแทนจำหน่ายแล้วที่ไนจีเรีย"นายกมล กล่าว
TPBI รายงานภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 59 (มกราคม-มิถุนายน) มีรายได้ 2,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,187 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 191 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 2/59 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,161 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 94 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีมากจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ารายสำคัญของบริษัทฯ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในไตรมาส 2/59 เติบโตถึง 18.9% ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เพิ่มเป็น 14% ของยอดขายรวม ขณะที่กลุ่มบรรจุภัณฑ์ประเภทถุงขยะ ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินค้าหลักก็มียอดคำสั่งซื้อขยายตัวเช่นกัน โดยเติบโต 9.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
“แม้ไตรมาส 2/59 สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังค่อนข้างซบเซาและมีความผันผวน แต่จากนโยบายที่มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในขบวนการผลิตโดยใช้เม็ดพลาสติกคอมพาวด์เพื่อช่วยลดต้นทุนและรักษาความสามารถการทำกำไรได้ดี รวมถึงปรับ Product Mix ที่หันมาเน้นสินค้ากลุ่มมูลค่าสูงให้มากขึ้น จึงส่งผลให้อัตราการทำกำไรของ TPBI อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและยังสามารถเติบโตต่อเนื่องต่อไป" นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม หรือ High Value Added อีกเท่าตัวในอีก 3-5 ปีข้างหน้า หลังแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็งสำเร็จรูป, อาหารพร้อมรับประทาน, ถุงบรรจุขนม, และกลุ่มผลิตภัณฑ์ในหมวดฟิล์มประเภท Multilayer Blown Film ได้แก่ ฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ ที่นิยมนำไปใช้ในกลุ่มสินค้าอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทจึงได้เตรียมแผนงานเพื่อรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้น โดยได้ตัดสินใจลงทุนขยายกำลังการผลิตโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภคเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกเท่าตัวหรือเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านเมตรต่อปี ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยใช้งบลงทุนรวม 800 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้และจะแล้วเสร็จปี 61 กำลังผลิตของโรงงานใหม่แห่งนี้สามารถรองรับความต้องการของตลาดได้ 4-5 ปี
“กลุ่มสินค้า High Value Added ในหมวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนและหมวดฟิล์มลามิเนตและฟิล์มแบริเออร์ ที่นิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสด อาหารแช่แข็งและอาหารสำเร็จรูป มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นเฉลี่ยปีละ 10-20% เราจึงต้องเตรียมพร้อมด้านกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ซึ่งจะมีผลดีต่อการผลักดันสัดส่วนยอดขายสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 18-20% ของยอดขายรวมในแต่ละปี" นายกมล กล่าว