นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจวัตถุดิบและ PET บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทจะยังไม่มีแผนซื้อกิจการเพิ่มเติมในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ เพราะต้องการกลับมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน สร้างรายได้และกำไรกลับมาให้กับบริษัท และจะมีการบริหารจัดการหนี้สินให้ลดลงต่ำลง เพื่อไปสู่เป้าหมายกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทในปี 61 จะเติบโตเป็น 1.2-1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเข้ามาถือหุ้นในบริษัท จากปัจจุบันที่มีนักลงทุนสถาบันและ NVDR ถือครองหุ้นราว 9% ทั้งนี้ เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับราคาหุ้นของบริษัท โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีกองทุนขนาดใหญ่ระดับโลกเข้ามาถือหุ้นแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ และยังมีกองทุนต่างชาติอีกหลายแห่งที่ให้ความสนใจ ประกอบกับ ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีแผนเดินทางไปโรดโชว์ที่ยุโรป สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท คาดว่าไตรมาส 3/59 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/59 ที่มีรายได้อยู่ที่ 6.67 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.95 พันล้านบาท แม้ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์คาดว่าจะลดลงจากไตรมาส 2/59 เล็กน้อยตามภาวะของอุตสาหกรรมที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น และกำไรจากสินค้าคงคลังจะลดลงจากไตรมาส 2/59 ที่มีกำไร 700 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
แต่บริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการรับรู้รายได้และกำไรของโรงงาน Cepsa Spain เข้าต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า และการกลับมาเดินเครื่องผลิตของโรงงาน MEG ในสหรัฐฯ รวมทั้งจะรับรู้กำไรพิเศษเข้ามาอีก 400 ล้านบาทจากการเข้าซื้อกิจการแห่งหนึ่งในราคาต่ำกว่ามูลค่า
นายดีลิป กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจรายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท และคาดว่า EBITDA Margin ในปีนี้จะอยู่ที่ 11.5% จากปีก่อนที่ 5.17% โดยเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของการเข้าซื้อกิจการใหม่ที่บริษัทได้ซื้อมาก่อนหน้านี้ และแนวโน้มของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ทำให้บริษัทไม่มีการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันแล้ว