นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวในงานสัมมนา"THAI FLIGHT2: ถกทุกมิติการลงทุน"ว่า ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จะยัง Outperform ต่อเนื่องไปอีกในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ยังคงไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่องแม้ว่าตลาด Emerging Market จะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ยังคงมี upside และแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งคาดว่าในรปี 60 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ Emerging Market จะเติบโตมากขึ้น โดยขณะนี้ก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวบ้างแล้ว เช่นในรัสเซีย เป็นต้น
"Fund Flow น่าจะยังไหลเข้าตลาด Emerging Market ในระยะจากนี้ไป หลังจากปี 2013-2015 ไหลออกไปที่ตลาด Developed Market"นายไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนี้ ประเทศจีนยังอยู่ระหว่างการปรับฐานเศรษฐกิจเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระดับ 6% ได้อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งรัฐบาลจีนกำลังสร้างสมดุลเศรษฐกิจโดยให้ความสำคัญกับการบริโภคภายในประเทศจากที่เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ฉะนั้น คาดว่าจีนน่าจะเป็น BIG Surprise ของตลาด Emerging Market
ทั้งนี้ ตลาด Emerging Market มี 23 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมตลาดหุ้นไทยด้วย คาดว่าปีหน้าตลาดแถบอเมริกาเหนือ และจีนน่าจะดีขึ้น ส่วนไทยซึ่งอยู่ในกลุ่ม TIP ก็ยังดีอยู่
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า สัญญาณตลาดหุ้นไทยยังดีต่อเนื่องจากที่การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และเห็นการเดินหน้าการเลือกตั้ง ภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้ downside มีจำกัดเพราะการบริโภคในประเทศเริ่มดีขึ้น หนี้ครัวเรือนเริ่มลดลง กำลังซื้อค่อย ๆ ฟื้นตัว ส่วนภาคส่งออกแม้ว่าจะติดลบ 5% ในปีก่อน แต่ทำได้ดีกว่าอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ติดลบ 14% รวมทั้งอังกฤษและเยอรมันที่ติดลบกว่า 10%
นายมนตรี ยังคงให้เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ 1,650 จุด
ขณะที่นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ รองประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย คาดว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังค่อนข้างดี โดยเฉพาะจากปัจจัยในประเทศชัดเจนขึ้น ภาพการเมืองหมดความกังวล แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นในระยะต่อจากนี้
นอกจากนี้แนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นซึ่งงบในไตรมาส2/59เห็นการฟื้นตัว ทั้งนี้คาดว่าครึ่งปีหลังบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ ไม่นับรวมกลุ่มพลังงานและธนาคาร จะมีกำไรเติบราว 3-5% เพราะภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงยังไม่ดีขึ้น แต่ก็ยังพอได้เห็น Upside อยู่ โดยมองดัชนีตลาดหุ้นปีนี้ที่ระดับ 1,560 จุด
"เชื่อว่า Fund Flow จะดีขึ้น ที่ผ่านมาเห็นเม็ดเงินลงทุนผ่านกองทุน ETF เชื่อว่าจะเห็นเงินลงทุนระยะยาว"นางภัทธีรา กล่าว
นางภัทธีรา กล่าวอีกว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่ามูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยที่ 5-6 หมื่นล้านบาท/วัน จากครึ่งปีแรกเฉลี่ย 4.5 หมื่นล้านบาท/วัน หากมีมูลค่าการซื้อขายเช่นนี้ก็คาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท/วัน