นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในช่วงครึ่งปีหลัง ประเมินว่าจะมีความคึกคักเพิ่มขึ้นจากการที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงคาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีและการสื่อสารออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดย AIT มีศักยภาพและความพร้อมในด้านทีมงานที่จะเข้าร่วมประมูลงานใหม่ เพื่อผลักดันมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (backlog) ในมือเพิ่มสูงขึ้น จาก ณ สิ้นไตรมาส 2/59 ที่มีมูลค่าแบ็กล็อกรวม 1,979.85 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยวางกลยุทธ์ขยายไลน์ธุรกิจเพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงในระยะยาวและผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรอีก 2 ราย ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรุกขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
AIT และพันธมิตรอีก 2 ราย จะเข้าถือหุ้นในบริษัทฯ ร่วมทุนในสัดส่วนเท่ากันที่รายละ 1 ใน 3 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วจำนวน 210 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ๆ และผลักดันผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตได้อย่างต่อเนื่องผู้นำในธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ มีรายได้รวม 1,212.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 1,122.70 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 112.11 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกนั้น เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานระบบโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้แก่ลูกค้าได้ตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับบริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารและการขายในช่วงไตรมาส 2/59 ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ช่วยผลักดันภาพรวมผลการดำเนินงานตามงบการเงินเฉพาะกิจการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,334.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 224.72 ล้านบาท
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ค่อนข้างดี ขณะที่โครงการวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารก็สามารถบริหารจัดการให้แล้วเสร็จได้ตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ ซึ่งถือว่าบริษัทฯ สามารถทำผลงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากนัก"นายศิริพงษ์ กล่าว