นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็ตเบย์ (NETBAY) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Digital Economy โดยการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีในระบบดิจิตอลเข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อน GDP ประเทศให้เติบโตได้ดี
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีในการให้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รองรับการขยายฐานลูกค้าเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายปีนี้มีแผนเปิดให้บริการ e-Business Services เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังอีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2/59 สามารถสร้างการเติบโตที่ดีทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้จากการให้บริการทั้งสิ้น 67.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 55.06 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 23.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.71 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีนั้นมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มบริการด้านธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งกลุ่มบริการ e-Business Services มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนทรานเซ็กชั่นในการทำธุรกรรมรับ-ส่งข้อมูลทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเกตเวย์ของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มบริการ e-Logistics Trading ซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้บริการพิธีการศุลกากรทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็มีการเติบโตที่ดีจากการรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้าใหม่ ขณะที่กลุ่มงาน Projects ที่เป็นการให้บริการพัฒนาระบบสารสนเทศแก่ลูกค้าเฉพาะราย ก็มีรายได้จากการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้แก่ลูกค้าในไตรมาสนี้จำนวน 5.42 ล้านบาท
จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงไตรมาส 2/59 ส่งผลให้ภาพรวมในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการให้บริการรวม 131.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้บริการรวม 106.43 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 42.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.13 ล้านบาท
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมการค้าออนไลน์ผ่านเกตเวย์ของเน็ตเบย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ประกอบการได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับ-ส่งข้อมูลด้วยเอกสาร มาเป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น กลุ่มลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้านั้นพบว่ามีจำนวนและปริมาณการใช้บริการธุรกรรมการค้าออนไลน์ผ่านเกตเวย์ของเน็ตเบย์สูงขึ้น แม้ว่าภาพการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่ฟื้นตัวดี แต่ธุรกิจของเรานั้นไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเราเป็นผู้ให้บริการ Software as a Service (SaaS) ที่มีรายได้หลักจากการค่าธรรมเนียมเป็นรายครั้งจากลูกค้าที่เข้าใช้บริการ e-Logistics Trading และ e-Business Services ผ่านระบบของเรา"นายพิชิต กล่าว