พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการให้บริการสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (PTT EV Station) ระหว่างบมจ.ปตท. (PTT) และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ 6 ราย ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
"ความร่วมมือในการให้บริการ PTT EV Station ระหว่าง ปตท. และค่ายรถยนต์ชั้นนำทั้ง 6 ราย ในครั้งนี้ นับเป็นการตอบสนองนโยบายของกระทรวงพลังงานที่ได้วางกรอบแผนบูรณาการพลังงานแห่งชาติ ในเรื่องมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้ได้ 1,200,000 คัน ภายในปี 2579 เพื่อขับเคลื่อนให้แผนอนุรักษ์พลังงานสามารถลดการใช้พลังงานร้อยละ 30 ให้ได้ในปี 2579 เมื่อเทียบกับปี 2553"พลเอกอนันตพร กล่าว
พลเอกอนันตพร กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นวันนี้นับเป็นการเริ่มต้นและเตรียมความพร้อมเรื่องของสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยนโยบายของรัฐและกระทรวงพลังงานคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าคงจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ แต่จะทยอยเกิดขึ้นตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับมาตรการจูงใจก็จะเป็นมาตรการเฉพาะกิจ ซึ่งการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าในช่วงแรกที่อาจจะไม่มากนักก็อาจจะมีการใช้มาตรการภาษีเข้ามาช่วย เพราะต้องการให้มีการทดลองนำเข้ามาใช้ในประเทศ เพื่อจะได้เรียนรู้อุปสรรคต่าง ๆ และเพื่อเตรียมการมาตรการแก้ไขในอนาคต
เบื้องต้นกำหนดว่าจะมีการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงแรก 5,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาเรื่องอัตราภาษีอยู่ ช่วงแรกจะเน้นรถยนต์สาธารณะทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ นอกจากนี่อาจจะมีมาตรการเสริมว่าการนำเข้ามาอาจจะต้องมีแนวทางมาประกอบในประเทศไทยด้วย ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีมาตรการชดเชยด้วย ขณะที่ปตท.ก็จะมีการใช้บัตรสมาชิก เพื่อบันทึกข้อมูลผู้ใช้เพื่อนำมาศึกษาพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภคด้วยต่อไป
"ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนในเชิงนโยบาย อาทิ สิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่น ๆ ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับสิทธิ์การลดหย่อน หรือยกเว้นอากรขาเข้าในรุ่นรถยนต์ที่จะผลิต รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนสำคัญซึ่งยังไม่สามารถมีการผลิตในประเทศ"รมว.พลังงาน กล่าว
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTT กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันพัฒนาและทดลองระบบการใช้งาน PTT EV Station พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยปตท.จะเป็นผู้ก่อสร้างสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามแผนธุรกิจของ ปตท. และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง 6 ราย จะเป็นผู้ศึกษาและพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามแผนธุรกิจของแต่ละบริษัทต่อไป ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และความมั่นใจสู่สาธารณะในการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะที่ราคาน้ำมันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาราว 1 ใน 3 จากเดิมที่เคยอยู่ระดับ 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็ลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าในระยะ 5 ปีนี้จะยังไม่ทำให้ภาพของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจน้ำมันเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เนื่องจากมองว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจจะเข้ามาทดแทนความต้องการที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้ตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงเท่านั้น
ปัจจุบัน ปตท.มี PTT EV Station ที่มีเครื่องชาร์จไฟที่ได้มาตรฐานยุโรป (IEC) และมาตรฐานญี่ปุ่น (CHAdeMO) ทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่, สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา, สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาแหลมฉบังขาออก จ.ชลบุรี และ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขา The Crystal PTT ถ.ชัยพฤกษ์ โดยมีแผนที่จะขยายเพิ่ม 2 สถานีภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 20 สถานี ภายในปี 2560
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน PTT กล่าวว่า หลังจากการลงนามร่วมมือกับค่ายรถยนต์ในวันนี้ ก็จะมาพิจารณาร่วมกันว่าจะบริหารจัดการเพื่อให้การบริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร โดยรูปแบบยังมีหลายแนวทาง รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้สำหรับเฉพาะลูกค้าของค่ายรถยนต์ที่ลงนามความร่วมมือกันเข้ามาใช้บริการ รวมถึงยังต้องพิจารณานโยบายการส่งเสริมของภาครัฐที่ชัดเจนประกอบกันไปด้วย
สำหรับการลงทุน EV Station แต่ละแห่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 3-5 ล้านบาท/แห่ง ซึ่งบริษัทยังเปิดโอกาสให้ค่ายรถยนต์อื่น ๆ เข้ามาร่วมมือกันด้วยในอนาคต