นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทคงเป้าหมายการทำกำไรสุทธิสูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 526.59 ล้านบาท ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในประเทศไทยรวมทั้งหมด 99 เมกะวัตต์ และจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์โซลาร์ฟาร์ม สหกรณ์ฯ อีก 1 โครงการ จำนวน 1 เมกะวัตต์ภายในปีนี้
ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 100 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ โดยในปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว 42 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 6 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ครบทั้งหมดภายในปี 60 นอกจากนั้นยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาอีกกว่า 60 เมกะวัตต์
"ผลประกอบการในปีนี้ของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการจ่ายไฟในเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ รูฟท็อป รวมถึงการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่นเข้ามา โดยบริษัทได้เดินหน้าแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นถือว่ามีผลตอบแทนที่น่าพอใจ และยังเป็นการกระจายการสร้างรายได้ให้กับบริษัท นอกเหนือจากรายได้ภายในประเทศเท่านั้น"นางสาวแคทลีน กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัท ประจำไตรมาสที่ 2/59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 160.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้จากการขาย และการให้บริการจากกลุ่มบริษัทรูฟท็อป ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ครบทั้ง 14 แห่ง ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 3 แห่ง
ส่วนผลประกอบการของบริษัทสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 289.92 ล้านาท เพิ่มขึ้น 3.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 281.29 ล้านบาท