JWD ศึกษาลงทุนธุรกิจขนส่งทางการอากาศ ทั้ง joint venture- M&A คาดได้ข้อสรุปปี 60

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 16, 2016 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนธุรกิจขนส่งทางอากาศทั้งรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการในประเทศที่ดำเนินการให้บริการอยู่แล้ว หรือการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการลงทุนในต่างประเทศ

เหตุผลที่บริษัทสนใจลงทุนการขนส่งทางอากาศนั้นมาจากปริมาณความต้องการใช้บริการขนส่งทางอากาศในปัจจุบันและในอนาคตมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการขนส่งที่รวดเร็วและขนส่งสินค้าได้จำนวนมาก แม้ว่าการขนส่งทางอากาศค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น โดยบริษัทคาดว่าภายในปี 60 อาจจะเห็นความชัดเจนในการลงทุนการขนส่งทางอากาศ

สำหรับการลงทุนในปีนี้บริษัทเตรียมเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อเจรจาซื้อกิจการธุรกิจห้องเย็นในประเทศมาเลเซียที่เปิดดำเนินการแล้ว และมีผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ทั้งในประเทศมาเลเซียและประเทศอื่นๆใช้บริการ ซึ่งคลังสินค้าดังกล่าวมีพื้นที่ห้องเย็นทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร โดยการเข้าไปซื้อกิจการดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1.5-2 พันล้านบาท ซึ่งจะได้ข้อสรุปในการซื้อกิจการห้องเย็นในมาเลเซียไม่เกินสิ้นเดือนนี้

สำหรับวัตถุประสงค์ของการซื้อกิจการห้องเย็นในมาเลเซียเพื่อเป็นการขยายตลาดไปในประเทศมาเลเซียและภูมิภาคให้กว้างขึ้น ส่วนแหล่งเงินทุนในการซื้อกิจการดังกล่าวจะมาจากการออกหุ้นกู้ที่บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการออกหุ้นกู้ได้วงเงิน 3 พันล้านบาท ซึ่งหลังจากได้ข้อสรุปการซื้อกิจการดังกล่าวแล้วบริษัทจะออกหุ้นกู้วงเงิน 3 พันล้านบาท อายุ 5 ปี โดยได้รับเรทติ้งจากทริสเรทติ้งในระดับ BBB+

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการทำการศึกษาและประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของกิจการห้องเย็นในเวียดนาม พื้นที่ 20,000 ตารางเมตร โดยรูปแบบการลงทุนบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นในกิจการห้องเย็นในประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงที่เหลือของปีนี้

นายชวนินทร์ กล่าวถึงการขยายคลังสินค้าในต่างประเทศอื่นๆ บริษัทจะมีการขยายคลังสินค้าในประเทศพม่าเพิ่มอีก 3,300 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่าในต่างประเทศทั้งหมด 1 หมื่นตารางเมตร และมีพื้นที่เช่าทั้งหมด 790,000 ตารางเมตร

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 53.67 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มของลูกค้าทั้งลูกค้าที่ให้บริการขนส่งละลูกค้าที่จะเข้ามาเช่าห้องเย็นมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่กดดันผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คือ เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้น และเงื่อนไขและกฏเกณฑ์ต่างๆของการส่งออกอาหารทะเลที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้บริการของลูกค้า ซึ่งบริษัทยังคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 7% จากปีก่อน

ด้านการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ที่จะนำห้องเย็นในประเทศมาเป็นสินทรัพย์ในการจัดตั้ง ซึ่งปัจจุบันการจัดตั้งกอง REIT ดังกล่าวจะต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 60 จากเดิมที่คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในปีนี้ หลังจากสินทรัพย์ที่จะนำเข้าจัดตั้งกอง REIT เป็นสินทรัพย์ประเภทใหม่ ทำให้กระบวนการจัดตั้งต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาเพิ่มมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ