บมจ.โรงพยาบาลราชธานี (RJH) คาดเคาะราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 74.99 ล้านหุ้นต้นสัปดาห์หน้า จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมทั้งจะมีพิธีแต่งตั้งผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Underwriter) ในวันที่ 22 ส.ค.หลังจากทำการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) จำนวนกว่า 10 แห่งแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนจะเสนอขายหุ้นปลายเดือนนี้และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้นเดือน ก.ย. หวังลุยขยายธุรกิจเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการขึ้นเป็นโรงพยาบาลชั้นนำในพื้นที่ภาคกลาง
นายพายุพัด มหาผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ RJH เปิดเผยว่า โรงพยาบาลราชธานีนับเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในกลุ่มโรงพยาบาลตัวที่ 2 ที่มีการทำ Book Building เพื่อกำหนดราคาขายหุ้น IPO เนื่องจากนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจค่อนข้างมาก ขณะที่ฝายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ 4-5 รายได้เริ่มทำการประเมินราคาเป้าหมายหุ้น RJH ในปี 60 ที่ราว 22 บาท
ทั้งนี้ RJH มีทุนจดทะเบียนรวม 300 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ผ่านโรงพยาบาลราชธานี ใน อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา และบริษัทย่อยให้บริการผ่านโรงพยาบาลราชธานี โรจนะ ที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 52% ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีจำนวนเตียงผู้ป่วยภายใต้การบริหารงานรวม 353 เตียง ซึ่งปัจจุบันเปิดใช้งานจริงจำนวน 178 เตียง โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายในการเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและในภาคกลาง
กลุ่มลูกค้าของบริษัทแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าตามโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ โดยในปี 58 บริษัทมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปประมาณ 51% และมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าตามโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ 49%
นายแพทย์วชิระ วุฒิกุลประพันธ์ กรรมการผู้จัดการ RJH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะใช้เงินที่ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อขยายกิจการโรงพยาบาลราชธานี และโรงพยาบาลราชธานี โรจนะ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์
สำหรับการขยายกิจการโรงพยาบาลหลักใน อ.เมือง จะสร้างอาคารใหม่ 9 ชั้นบนเนื้อที่ 2 ไร่ที่ปัจจุบันใช้เป็นลานจอดรถ ซึ่งจะเป็นการขยายศูนย์แพทย์เฉพาะทางหลายสาขา และศูนย์ตรวจสุขภาพ เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยเงินสด รวมทั้งมีแผนเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยในอีก 120 เตียง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 600-700 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการปี 60 และแล้วเสร็จภายในปี 62
และตั้งศูนย์ตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อช่วยให้การวินิจฉัยและตรวจรักษาคนไข้มีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ประเมินมูลค่าการลงทุนตัวอาคารที่ 20 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มผู้ร่วมทุนเพื่อลดความเสี่ยงด้านบุคลากร ซึ่งผู้ร่วมทุนจะลงทุนตัวเครื่องประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยคาดจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 60
ส่วนโครงการขยายพื้นที่ให้บริการโรงพยาบาลราชธานี โรจนะ จะเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วย และห้องตรวจผู้ป่วยนอก รวมทั้ง การเปิดคลินิดและศูนย์การแพทย์ต่างๆ เพิ่มเติม ประมาณการมูลค่าลงทุน 52 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 61
ขณะที่โรงพยาบาลราชธานี โรจนะ มีแผนจะเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมราว 100 ล้านบาทภายใน 3 เดือนนับจากบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นตามสิทธิราว 52 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งได้แก่ บมจ.โรงพยาบาลวิภาราม และ บมจ.ธนบุรีเฮลท์แคร์ กรุ๊ป ทั้งนี้ คาดว่าโรงพยาบาลราชธานี โรจนะจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 60
นอกจากนั้น บริษัทยังมองหาโอกาสในการลงทุนอื่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการขยายธุรกิจโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว บริษัทยังพร้อมเปิดโอกาสการพิจารณาลงทุนในทำเลอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ สุพรรณบุรี อ่างทอง และสระบุรี รวมทั้งการเข้าลงทุนในโรงพยาบาลหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
นายแพทย์วัชระ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 10-15% ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป้าหมายอย่าง Conservative เช่นเดียวกับจำนวนผู้ป่วยที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 1,500 คน/วัน เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยในปี 59 นี้ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 15% โดยในไตรมาสแรกของปีนี้รายได้เติบโตได้ดีมาก ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตสูงถึงกว่า 100% แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก
ในปี 58 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,034.91 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 63.77 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 58 อยู่ที่ 1,075.70 ล้านบาท หนี้สินรวม 800.57 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 275.12 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 1/59 บริษัทมีรายได้รวม 298.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 241.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 39.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 19.43 ล้านบาท
นายแพทย์วัชระ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าเงินสดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนต่อลูกค้าสวัสดิการภาครัฐราว 50:50 ให้เป็น 60:40 เพราะเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนอัตราการทำกำไรของโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นการขยับสัดส่วนขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยกลยุทธการปรับปรุงประสิทธิภาพการรักษาให้มีมาตรฐานสูงขึ้นและขยายขนาดห้องผู้ป่วยนอกให้มีความสะดวกสบาย