ผจก.กองทุนฯ มองบวกตลาดหุ้นไทยจากเงินทุนไหลเข้า แต่ปัจจัยตปท.ยังเสี่ยง แนะเลือกหุ้นรายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 17, 2016 15:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ในงาน"ผู้จัดการกองทุนมองตลาดหุ้นไทย ไตรมาส 3"ว่า มุมมองตลาดหุ้นไทยในระยะยาวยังมีมุมมองเชิงบวก ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาถึง 20% และระดับ P/E ในปัจจุบันที่ 15-16 เท่า โดยการกลับตัวขึ้นของดัชนีในรอบนี้มาจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สื่อสารโทรคมนาคม และกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วยให้หุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวในทิศทางเดียวกัน ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคมเริ่มสดใสขึ้นภายหลังจบการประมูลคลื่น 4G ไปแล้ว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หลังจากอังกฤษลงประชามติให้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ประกอบกับ สภาพคล่องในประเทศยังคงมีอยู่มาก และดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ รวมไปถึงการบริโภคและอุปโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้น ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก

แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯด้วย หากมีความชัดเจนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก Brexit และสถานการณ์ทั่วโลกนิ่งขึ้น ก็อาจจะเห็นสหรัฐฯปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ ส่วนประเทศจีนปัจจุบันถือว่าความไม่แน่นอน แต่ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาก็ยังคงเติบโตได้ จึงไม่น่ากังวลมากนัก ส่วนในประเทศไทยเองยังต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมือง การเติบโตของเศรษฐกิจ และการลงทุนของภาครัฐฯว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากเข้าลงทุนเมื่อใด

นายอดิเทพ แนะนำการลงทุน ควรเลือกหุ้นอย่างระมัดระวัง โดยให้เลือกหุ้นรายตัวที่พื้นฐานดี มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ หากแยกรายกลุ่มมองว่าอสังหาริมทรัพย์ ผลประกอบการอาจจะไม่ดีนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงาน เริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างดี

ส่วนพอร์ตของ บลจ.อเบอร์ดีน เน้นกลุ่มประกัน และกลุ่มหุ้นที่ให้น้ำหนักคือ ธนาคารพาณิชย์และพลังงานไฟฟ้า หากเลือกรายตัวในพอร์ตจะมี PTTEP ,BANPU ,EASTW ,EGCO ,KBANK ,SCB ,BBL , KKP ,TISCO ,BKI และ MTI

"ช่วงที่หุ้นขึ้นเยอะๆ ก็มีการขายทำกำไรปกติ แนะนำว่าควรระมัดระวังไว้ในหุ้นที่ขึ้นเยอะ แต่เราจะเห็นว่าตอนนี้นักลงทุนซื้อตลอด เพราะมีเม็ดเงินส่วนหนึ่งที่ต้องการจะลงทุน และเมื่อนักลงทุนใส่เงินมา ทางกองก็จะเลือกลงทุน แต่ไม่เป็นการไล่ราคาหุ้น เราจะเป็นการเข้าไปทยอยซื้อมากกว่า"นายอดิเทพ กล่าว

ด้านนางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยแม้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว โดยบริษัทเตรียมปรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ใหม่จากของเดิมที่ประมาณการณ์ที่ 1,550 จุด หลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/59 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ราว 5% ขณะเดียวกันเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเข้ามาแล้วราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับปี 56-58 ที่มีเงินทุนต่างชาติไหลออกไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยังถือว่ามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันให้ผลตอบแทนที่ 19% ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ให้ผลตอบแทนที่ราว 15%

ทั้งนี้ มองว่าปัจจัยต่างประเทศยังเป็นปัจจัยหลัก โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และการค้าของโลก ที่ยังไม่ดีนัก ขณะที่ในวันที่ 26-27 ส.ค. นี้จะมีการออกแถลงของประเทศธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งยังต้องติดตามต่อไปว่าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯจะไปในทางไหน

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุนนั้น นางสาวธิดาศิริ แนะนำว่า นักลงทุนควรเลือกลงทุนในกลุ่ม ค้าปลีก ท่องเที่ยว รับเหมาก่อสร้าง อาหาร ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังเดินทางเข้ามาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐเองก็ยังมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ และมีการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมการบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

ขณะที่นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล มองความเสี่ยงตลาดหุ้นไทยที่ต้องระวังคือเรื่องของการเลือกตั้งของนานาประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น ราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวว่าจะมีปัจจัยกระทบให้มีการปรับตัวลดลงอีกหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ต้องระวังเรื่องหนี้ครัวเรือนที่แม้จะลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระยะยาวตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีการปรับฐานอีก 1 ครั้ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมามากและเร็วเกินไป

สำหรับการลงทุนแนะนำกลุ่มอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐ และ กลุ่มรับเหมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ