โบรกฯแนะ"ซื้อ"BDMS มองกำไร H2/59 โตรับไฮซีซั่น-พัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์หนุนระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 18, 2016 14:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) หลังคาดกำไรสุทธิจะเติบโตมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะมีผู้ป่วยเข้ามารักษาด้วยโรคตามฤดูกาลสูงขึ้น ประกอบกับคาดว่าจำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะกลับเข้ามาหลังจากผ่านพ้นเทศกาลรอมฎอน (เทศกาลถือศีลอด) ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2

ขณะที่การผลักดันเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (COE) เพื่อให้เป็นจุดหมายของการนักท่องเที่ยวประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (medical tourism) และการขยายงานด้วยการซื้อกิจการธุรกิจการพยาบาลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องนั้น เริ่มสร้างผลตอบแทนกลับมาได้มากขึ้น จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานและอัตรากำไรให้ดีขึ้นในอนาคต

ราคาหุ้น BDMS พักเที่ยง 22.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+0.44%)

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          เอเชีย เวลท์                    ซื้อ                           30
          เออีซี                          ซื้อ                           26
          เคจีไอ (ประเทศไทย)             ซื้อ                           25.50
          ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)           ซื้อ                           25.50
          ฟินันเซีย ไซรัส                   ซื้อ                           26

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ แนะ"ซื้อหุ้น BDMS แม้ผลกำไรในไตรมาส 2/59 ที่ทำได้ระดับ 1.67 พันล้านบาท จะลดลงราว 30% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดว่าผลกำไรในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ทำได้ 4.08 พันล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ

อีกทั้งผ่านพ้นเทศกาลถือศีลอดมาแล้ว ทำให้น่าจะมีลูกค้าจากตะวันออกกลางเดินทางเข้ามารักษาพยาบาลมากขึ้นด้วย ซึ่งจะผลักดันให้ลูกค้าต่างชาติที่มาใช้บริการอยู่ในระดับปกติที่เติบโตราว 8% จากช่วงไตรมาส 2/59 ที่มีอัตราเติบโตราว 4% เท่านั้น โดยยอดลูกค้าต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนให้ทั้งปีนี้มีกำไรสุทธิ 8.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 16% จากปีที่แล้ว

"กำไรโตทั้งตัวผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่มาจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทั้งในและนอกประเทศ และมีการปรับค่าบริการเพิ่มขึ้น รายได้ก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของการขายพวกกลุ่มอาหารเสริม ที่มาจาก Save Drug และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Health Product ด้วย ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทลดต้นทุนทางการเงินลงมาและน่าจะทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการ"นายวรุตม์ กล่าว

นายวรุตม์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ และการซื้อกิจการในกลุ่มการแพทย์ที่มีอย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตในอนาคต

ขณะที่ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะ"ซื้อ"หุ้น BDMS ให้ราคาเป้าหมายที่ 26 บาท โดยผลประกอบการช่วงครึ่งแรกปีนี้ BDMS มีกำไรสุทธิคิดเป็น 47.5% ของประมาณการกำไรทั้งปี 59 ทำให้ยังคงประมาณการกำไรในปีนี้ เนื่องจากตามปกติช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะเป็นไฮซีซั่นที่มีจำนวนผู้ป่วยมารักษาด้วยโรคตามฤดูกาลสูง โดยช่วงไตรมาส 3/59 คาดว่าจะเป็นพีคของกำไรปีนี้ซึ่งนอกจากเป็นไปตามฤดูกาลแล้ว ยังได้อานิสงส์จากไม่มีช่วงคาบเกี่ยววันถือศีลอดของกลุ่มลูกค้าชาวตะวันออกกลางดังเช่นช่วงไตรมาส 3/58

อีกทั้งบริษัทยังมีแผนออกแพ็คเกจเพื่อดึงดูดลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ ส่งผลให้คาดว่าปีนี้ BDMS จะมีกำไรปกติราว 8.6 พันล้านบาท เติบโต 11.4% จากปีที่แล้ว และตั้งแต่ปี 60 คาดกำไรปกติจะกลับมาโตเด่นเฉลี่ยปีละ 17% หลังโรงพยาบาลใหม่ ๆ ทยอยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) พลิกเป็นบวกจากการสร้างฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง

ขณะที่ BDMS มีจุดแข็งด้านการเป็นหุ้นโรงพยาบาลใหญ่ที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และยังขยายฐานลูกค้าหลายกลุ่มทั้งจากธุรกิจหลักคือโรงพยาบาล และธุรกิจรอง เช่น ร้านขายยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ ทำให้บริษัทพร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรของบริษัทในครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะเริ่มขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากทั้งรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาล และไม่ใช่ธุรกิจโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายของบริษัทในการที่จะผลักดัน “เครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์” เพื่อให้เป็นจุดหมายของการนักท่องเที่ยวประเภท medical tourism ทำให้แนวโน้มโดยรวมของบริษัทจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และจะรักษาสถานะความเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเอาไว้ได้

ดังนั้น คาดว่าอัตรากำไรจึงน่าจะดีขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่า EBITDA margin จะเพิ่มเป็น 19.5% ในปีนี้ และเป็น 20.6% ในปี 60 จากระดับ 17.7% ในปีที่แล้ว ตามแนวโน้ม EBITDA ที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลในเครือแห่งใหม่ ๆ โดยคาดว่าโรงพยาบาลใหม่ ๆ ของบริษัทจะเริ่มสร้างผลตอบแทนกลับมาได้มากขึ้น หลังจากที่ลงทุนขยายกิจการอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรของโรงพยาบาลใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น หลังจากซื้อกิจการหรือเริ่มโครงการลงทุนใหม่ในลักษณะ green field มานานกว่า 2 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ