นายวิทยา เชียงอุทัย ผู้จัดการฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะลดลงมาอยู่ที่ 10-15% จากปีก่อนอยู่ที่ 20% และอัตรากำไรขั้นต้นมาอยู่ที่ 15-20% จากปีก่อนอยู่ที่ 27-28% เป็นผลมาจากการที่บริษัทเข้าไปรับงานประเภทรับเหมา (EPC) ซึ่งงานดังกล่าวมีมาร์จิ้นค่อนข้างน้อย และมีการแข่งขันสูง
อย่างไรก็ตามในส่วนของรายได้ปีนี้มั่นจะใจว่าจะเติบโตได้ราว 15% จาก 5.75 พันล้านบาทในปีก่อน ตามปริมาณงานในมือ (backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 3.1 พันล้านบาท แบ่งเป็น งาน Petrobras ,TUPI (01B&02B) และ TUPI (03B) ที่คาดจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงไตรมาส 2/60
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานโครงการ High Potential Projects อีกมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Bauxite Project , Iron ore ที่ประเทศออสเตรเลีย คาดจะทราบผลได้ใน 1-2 เดือนนี้ และโครงการ Oil Storage Tank ที่ประเทศมาเลเซีย คาดจะทราบผลใน 1-2 เดือนนี้เช่นกัน โดยโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ หากบริษัทได้รับงานก็จะเป็นงานขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยเซ็นสัญญามา และน่าจะมีโอกาสได้รับงานค่อนข้างสูง รวมถึง LNG Project และ Ammonia Project ที่สหรัฐฯ คาดจะทราบผลได้ในครึ่งปีหลังนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทคาดหวังจะได้รับงานทั้งหมด 5 โครงการ ซึ่งน่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในปี 60
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทได้งานไม่ครบทั้งหมดก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณงานในมือมากนัก เนื่องจากยังมีการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในปีหน้า และงานโครงการต่าง ๆ ในประเทศออสเตรเลีย ที่จะทยอยออกมาก็มีค่อนข้างสูง หรือประมาณ 127 โครงการมูลค่ากว่า 182 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทก็ได้รับคำเสนอให้เข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง
"รายได้หลักของเราปีนี้ยังมาจาก OIL&GAS เป็นหลัก แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง แต่เราก็ยังได้รับงานดังกล่าวถึง 2,800 ล้านบาท โดยปีนี้เราก็ยังมั่นใจว่ารายได้น่าจะเติบโตไปตามเป้าหมายได้ที่ 15%"นายวิทยา กล่าว