โบรกฯเชียร์"ซื้อ"PTTGC เล็ง H2/59 ดีกว่า H1/59 หลังรง.กลับมาเดินเครื่องเต็มที่-สเปรด HDPE ยืนสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 19, 2016 15:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ประสานเสียง"ซื้อ"หุ้นบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เล็งผลดำเนินงานงวดครึ่งปีหลัง ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานโอเลฟินส์กลับมาเดินเครื่อง 100% หนุนปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากที่โรงงานดังกล่าวหยุดซ่อมบำรุงตามแผนละนอกแผนในช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้ สเปรดผลิตภัณฑ์ HDPE ยังยืนอยู่สูงระดับ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ช่วยหนุนกำไรในครึ่งปีหลังได้ด้วย

นอกจากนี้ ผู้บริหารของ PTTGC แจ้งว่าได้เรียกร้องความเสียหายจากบริษัทประกันกรณีที่โรงงานโอเลฟินส์ PTTPE หยุดซ่อมบำรุงนอกแผน หลังได้รับความเสียหายจากกรณีกระแสไฟฟ้าดับและจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว (Thermal shock) โดยเรียกเงินชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สิน (PD) และค่าเสียโอกาส (BI) รวม 63 ล้านเหรียญสหรัฐ เบื้องต้นได้รับการอนุมัติแล้ว 25 ล้านเหรียญ แต่จะมีบันทึกค่าใช้จ่าย 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ผลสุทธิจะรับเข้ามาเป็นรายได้ 21.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทยอยบันทึกเข้ามาในช่วงครึ่งหลังปีนี้ด้วย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 21,380-25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 20,502 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกกำไรแล้ว 9,632 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตมาที่ 33,843 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการผลิตกลับมาเป็นปกติโดยไม่มีการปิดซ่อมบำรุง และคาดว่าค่าการกลั่น รวมถึงราคาโอเลฟินส์น่าจะกลับมาดีขึ้นด้วย

ราคาหุ้น PTTGC ล่าสุดเมื่อ 15.30 น.อยู่ที่ 63.75 บาท ลดลง 1.00 บาท (-1.54%)

          โบรกเกอร์                      คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)           ซื้อ                           70
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ทยอยซื้อ                       70
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)     ซื้อ                           72
          เคจีไอ (ประเทศไทย)             ซื้อ                           71
          เอเชีย เวลท์                    ซื้อ                           67
          ฟินันเซีย ไซรัส                   ซื้อ                           70
          เอเซีย  พลัส                    ซื้อ                           76
          ดีบีเอส (ประเทศไทย)             ซื้อ                           70        ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

          นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาดว่าผลการดำเนินงานของ PTTGC ในครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะออกมาดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาส 2/59 โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานโอเลฟินส์ ได้หยุดซ่อมบำรุงไป 2 เดือน ทำให้กำลังการผลิตลดลงไป แต่ขณะนี้ได้กลับมาเดินเครื่อง 100% แล้ว ทำให้ปริมาณการผลิตดีขึ้นตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้
          นอกจากนี้ส่วนต่าง (สเปรด) ระหว่างราคาผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) กับแนฟทาซึ่งเป็นวัตถุดิบ ยังยืนอยู่สูงระดับ 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ช่วยหนุนกำไรในครึ่งปีหลังได้ด้วย
          พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ 59 ไว้ที่ 21,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 20,502 ล้านบาท ขณะที่คาดกำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตขึ้นมาที่ 33,843 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการผลิตกลับมาเป็นปกติ ไม่มีการปิดซ่อมโรงงาน และคาดว่าค่าการกลั่นกับราคาโอเลฟินส์จะกลับมาดีขึ้นด้วย
          ด้านนางสาวอรมงคล ตันติธนาธร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำให้"ทยอยซื้อ"หุ้น PTTGC เนื่องจากคาดว่าผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีหลัง น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากที่โรงกลั่นและโรงงานโอเลฟินส์กลับมาเดินเครื่องเป็นปกติ ทำให้กำลังการผลิตกลับมาเป็นปกติ
          อย่างไรก็ตาม แนวโน้มค่าการกลั่นยังไม่ค่อยน่าสนใจมากนัก ขณะที่สเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีแม้จะไม่เด่นจากในช่วงครึ่งปีแรกมากนัก แต่การที่ PTTGC มีการผลิตปิโตรเคมีค่อนข้างมากทำให้น่าจะเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการได้บ้าง
          พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 20,502 ล้าบาท หลังในครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิไปแล้ว 9,632 ล้านบาท
          ส่วนบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งหลังปีนี้จะฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก จากการกลับมาเดินเครื่องเต็มที่ของโรงงาน หลังการหยุดซ่อมบำรุงทั้งในและนอกแผน โดยโรงงานโอเลฟินส์แครกเกอร์ที่หยุดเดินเครื่องนอกแผนกลับมาเดินเครื่องได้ 100% ในเดือนส.ค.ตามกำหนด ซึ่งผู้บริหารแจ้งว่าได้เรียกร้องความเสียหายจากบริษัทประกันทั้งในส่วนของความเสียหายต่อทรัพย์สิน (PD) และค่าเสียโอกาส (BI) รวม 63 ล้านเหรียญสหรัฐ
          เบื้องต้นได้รับการอนุมัติแล้ว 25 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่จะมีบันทึกค่าใช้จ่าย 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ผลสุทธิจะรับเข้ามาเป็นรายได้ 21.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทยอยบันทึกเข้ามาในครึ่งหลังปีนี้ และส่วนที่เหลืออีก 38 ล้านเหรียญสหรัฐ อยู่ระหว่างการเจรจา หากได้ข้อสรุปคาดจะรับรู้ในปี 60
          ด้านมุมมองอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังคงเดิม โดยราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ตามภาวะตลาดที่สมดุลมากขึ้น ขณะที่ปิโตรเคมีมีประเด็นบวกจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อสะสมสินค้าคงคลัง ก่อนเข้าสู่ช่วงประชุม G20 ที่ประเทศจีนในเดือน ก.ย.ที่จะมีการลดการผลิตลง ซึ่งจะช่วยหนุนส่วนต่างราคาทั้งอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ในไตรมาส 3/59  แต่ก็คาดจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 4/59 จากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดช่วยปลายปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ