นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปีนี้เป็นเติบโต 50% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 720.33 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการซื้อหนี้เข้ามาบริหารจำนวนมากขึ้น และมีสถาบันการเงินใช้บริการธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ของบริษัทเพิ่มมากขึ้น หลังจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงชะลอตัวส่งผลให้ปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น ซึ่งในระบบธนาคารในปีนี้มองว่าหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านล้านบาทในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 100 ล้านล้านบาท
สำหรับการซื้อหนี้เสียเข้ามาเพิ่มครึ่งปีหลังนั้น บริษัทเตรียมที่จะซื้อหนี้เสียที่เป็นสินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะซื้อเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/59 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการขออนุมัติจากกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังมีการซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินที่เป็นหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลเข้ามาเพิ่มเติม โดยบริษัทมั่นใจว่ากมูลค่าการซื้อหนี้เข้ามาบริหารในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารแล้วมูลค่า 5.8 พันล้าบาท และในปีนี้จะใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้เสียทั้งหมด 1 พันล้านบาท ส่วนในปี 60 บริษัทจะใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้เสียเพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท เพื่อซื้อหนี้เสียเข้ามาอีกมูลค่า 3 พันล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นธุรกิจซื้อหนี้เข้ามาบริหาร 80% ธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ 14% และธุรกิจประกันกับสินเชื่อ 6% โดยมีบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจประกันภายใน 3 ปี (ปี 59-61)เป็น 10%
ส่วนแนวโน้มของ JMT Plus ซึ่งเป็นธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ในไตรมาส 4/59 จะเป็นไตรมาสแรกที่ JMT Plus มีกำไร หลังจากขาดทุนในช่วงที่ผานมาซึ่งเป็นช่วงเริ่มธุรกิจ และในปีนี้บ JMT Plus ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 2 พันล้านบาท และตั้งเป้าภายในปี 61 จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเปลี่ยนชื่อ JMT Plus เป็น JFintech เพื่อให้ชื่อบริษัทมีความสอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจของ JMT Plus แบบใหม่ที่จะเปลี่ยนไปในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวกลางให้กับบริษัทในเครือ คาดว่าบริการ Fintech ของ JMT Plus จะเปิดให้บริการภายในต้นปี 60 และชื่อบริษัทจะสามารถเปลี่ยนได้ภายในต้นปี 60 เช่นกัน
ทั้งนี้ การนำ JMT Plus เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งบริษัทต้องการให้ JMT plus มีกำไร 3 ปี และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาส 4/61