นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจยอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท แม้ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้จะทำได้เพียง 1.18 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 4.6 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบ 7.2 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มาจากแผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) ในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้อีก 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าทั้ง 3 โครงการจะสามารถปิดการขายได้หมด (Sold out) ทุกโครงการภายในปีนี้
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมแรก คือ โครงการ RHYTHM เอกมัย มูลค่าโครงการ 2.68 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนโครงการที่ 8 ที่ร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น เป็นอาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น จำนวน 326 ยูนิต ราคาขาย 5.49-16 ล้านบาท จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน AP SPACE VISION SIAM PARAGON ในวันที่ 8-11 ก.ย.นี้ ส่วนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Life on Wireless มูลค่าโครงการ 6.4 พันล้านบาท และอีก 1 โครงการที่อยู่ระหว่างการวางแผน มูลค่าโครงการ 6 พันล้านบาท
ด้านรายได้ของบริษัทในปีนี้นั้นยังคงเป้ารายได้อยู่ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 8.75 พันล้านบาท และในครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยจะอยู่ไนไตรมาส 4/59 เป็นส่วนใหญ่ มูลค่าที่จะโอนทั้งหมด 7.7 พันล้านบาท จากเป้ายอดโอนคอนโดมิเนียมในปีนี้ 9.9 พันล้านบาท ซึ่งได้โอนในครึ่งปีแรกไปแล้ว 2.2 พันล้านบาท ทั้งนี้ การโอนโครงการคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลังจะมีโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 5 โครงการ และโครงการร่วมทุนกับญี่ปุ่น 3 โครงการ
นอกจากนี้ยังจะมีการโอนโครงการแนวราบอีกราว 3.2 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของโครงการแนวราบที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรอโอนที่มีอยู่ทั้งหมด 1.28 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดขายรอโอนของโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท
นายวิทการ กล่าวว่า งบซื้อที่ดินของบริษัทที่วางงบไว้ที่ 8 พันล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 50% ของงบที่ตั้งไว้ โดยบริษัทยอมรับว่าการซื้อที่ดินของบริษัทนั้นหาทำเลในการซื้อค่อนข้างยาก เนื่องจากทำเลที่บริษัทต้องการส่วนใหญ่เป็นทำเลที่ต้องอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าและห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร ซึ่งเป็นทำเลที่บริษัทต้องการ ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีหลังของปีนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพฯ เนื่องจากมีความชัดเจนและการเร่งลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตได้อย่างดี
ขณะที่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทในปีนี้ยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ 12% โดยบริษัทจะมีการส่งจดหมายเชิญลูกค้ามาพูดคุยกับสถาบันการเงินล่วงหน้า 3-4 เดือนก่อนการโอนโครงการ เพื่อเป็นการเตรียมตัวของลูกค้าให้มีการเตรียมพร้อมที่ดีก่อนการยื่นกู้สินเชื่อกีบธนาคาร จากเดิมที่บริษัทจะให้ลูกค้ามาเตรียมตัวล่วงหน้า 1 เดือนก่อนการโอนโครงการ