นายสตีเว่น ซิว ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินปีนี้ที่ 1 พันไร่ แม้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้จะทำยอดขายที่ดินได้เพียง 280 ไร่ก็ตาม เนื่องจากในไตรมาส 3/59 บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเพื่อขายที่ดินให้กับลูกค้าจากจีนล็อตแรก 30-40 ไร่จากทั้งหมด 100 ไร่ มูลค่ารวม 300 ล้านบาท หลังจากได้ชะลอการโอนในไตรมาส 2/59
อีกทั้งแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าในครึ่งแรก จากความเชื่อมั่นนักลงทุนจะฟื้นกลับมาเป็นปกติหลังจากที่การทำประชามติผ่านร่างรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลได้ระบุว่าจะดำเนินการให้มีการเลือกตั้งตามแผนโรดแมพในปี 60 โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มนักลงทุนจากจีนและสหรัฐฯ รวมถึงจากทวีปยุโรป
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้โอน (Backlog) อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ราว 70% จะช่วยหนุนให้รายได้รวมปีนี้เติบโตได้จากปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาที่จะลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเมียนมา โดยคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปแผนการลงทุนภายในสิ้นปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติจัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ Amata Myanmar Pte.Ltd.ซึ่งจดทะเบียนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มีทุนจดทะเบียนจำนวน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดย Amata Global Pte.Ltd จะถือหุ้น 100% ในบริษัทดังกล่าวที่จะลงทุนพัฒนาโครงการเมืองอุตสาหกรรม ในเมียนมา
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 63 จะมีสัดส่วนรายได้ในประเทศจำนวน 70% และต่างประเทศขยับขึ้นเป็น 30% ซึ่งจะมาจากประเทศเวียดนาม 25% และที่เมียนมา 5% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 90% และต่างประเทศที่ 10%
ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อที่จะนำสินทรัพย์ของบริษัทขายให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอมตะซัมมิทโกรท (AMATAR) แต่เบื้องต้นคาดว่าในปีนี้อาจจะไม่มีการขายสินทรัพย์เพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาสินทรัพย์ว่าจะต้องมีมูลค่าเท่าใด
สำหรับการที่รัฐบาลจะออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น บริษัทยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากที่ดินที่บริษัทมีอยู่เป็นที่ดินที่รอการพัฒนา ซึ่งไม่ได้เป็นการซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่า ที่รอการพัฒนาอยู่ประมาณ 10,000 ไร่