นายยงยศ ครองพาณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ในปีนี้น่าจะลดลงมาอยู่ที่ 31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนอยู่ที่ 38-39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากค่าใช้จ่ายในครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงมาที่ 29 เหรียญ/บาร์เรล แต่อาจจะขยับขึ้นอีกเล็กน้อยในครึ่งปีหลัง
ขณะที่คาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมปีนี้น่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่เทียบเท่า 3.22 แสนบาร์เรล/วัน
นายยงยศ กล่าวอีกว่า บริษัทปรับลดงบลงทุนปีนี้เหลือ 1.7 พันล้านเหรียญฯ จากเดิมวางไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงทางธุรกิจด้วยการลดการขุดเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมลง ซึ่งในครึ่งปีแรกมีการลงทุนขุดเจาะหลุมเพียง 5 หลุม และคาดทั้งปีน่าจะขุดเจาะหลุมไม่มากนัก จากปีก่อนทำได้ราว 40 หลุม ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายลงทุนปีนี้น่าจะลดลงราว 35% จากปี 57 และลดลง 10% จากปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทฯก็อยู่ระหว่างการศึกษาเข้าซื้อกิจการหลุมสำรวจที่มีการผลิตแล้ว เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรวม โดยมองการเข้าซื้อกิจการในประเทศเมียนมาร์ ,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง ขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานปีนี้ในระดับ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และครึ่งปีหลังนี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของภาษีปิโตรเลียม ส่งผลให้ EBITDA Margin ปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 65-70%
สำหรับการประมูลแหล่งสำรวจใหม่ๆ คงยังไม่มีเพิ่มเติมในปีนี้ แต่บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าประมูลสัมปทานแหล่งบงกช คาดว่าน่าจะเปิดประมูลได้ในปี 60 โดยบริษัทฯก็ถือว่ามีความพร้อม ขณะเดียวกันก้อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนร่วมกับบมจ.ปตท. ในการลงทุนอื่นๆ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายยงยศ กล่าวว่า บริษัทคาดราคาน้ำมันดิบดูไบ ปีนี้จะอยู่ที่ 40-50 เหรียญ/บาร์เรล โดยผลลบที่จะกระทบต่อราคาน้ำมัน มองว่ายังเป็นเรื่องของกำลังผลิตล้นตลาด และเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ผลกระทบเชิงบวก คือ จากที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ส่งผลทำให้สหรัฐฯ ชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตาม ความต้องการน้ำมันของโลกยังปรับตัวดีขึ้น