นายพิจินต์ อภิวันทนาพร ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า อัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 0.97% โดยครึ่งปีแรกอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.95% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิในปีนี้มาจากการที่ในปีนี้บริษัทไม่มีภาระต้องบันทึกด้อยค่าทางบัญชี ขณะที่ราคาก๊าซในปีนี้ปรับตัวลดลงหลังจากได้รับปัจจัยบวกด้านต้นทุนราคาน้ำมัน ทำให้อัตรากำไรสุทธิในกลุ่มธุรกิจก๊าซดีขึ้นอย่างชัดเจน
ด้านธุรกิจน้ำมันยังมีแนวโน้มที่ดี เพราะราคาขายปลีกน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตน้ำมันของโลกยังอยู่ในระดับสูงกดดันราคาขายอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้จะอยู่ในข่วง 42-46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อถอนการลงทุนในธุรกิจปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซียที่ปัจจุบันเหลืออีก 1 แปลงสุดท้าย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาขายออกไปหมด หลังจากที่ขายไปแล้ว 3 แปลง โดยที่ผ่านมาการลงทุนในโครงการดังกล่าวประสบผลขาดทุนค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทมองว่าการขายสินทรัพย์ดังกล่าวออกไปจะไม่กระทบต่อผลประกอบการอย่างแน่นอน เพราะมีสัดส่วนไม่มากนัก
สำหรับธุรกิจ Non-oil บริษัทยังคงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน EIBITDA เป็น 50% ภายในปี 63 จากปัจจุบัน EBITDA ของธุรกิจ Non-oil ยู่ที่ 20% เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจ Non-oil การเติบโตเฉลี่ย 10-20% และยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีแผนเจรจาแฟรนไชส์ ร้านอาหารหรือการให้บริการอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมรายได้ขึ้นอีกในอนาคต
ส่วนแผนลงทุนธุรกิจโรงแรมในสถานีบริการน้ำมันนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับโรงแรมหลายเครือ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะมีโรงแรม 50 แห่งภายใน 5 ปี